สื่อมวลชนไปทำข่าว จนท.จับกุม "บังลุค ไม้ใหญ่" ครอบครองไม้หวงห้ามที่พังงา โอกาสชักภาพกับตอตะเคียนยักษ์มีโพรงขนาดใหญ่ นักข่าวสาวใหญ่ถ่ายภาพออกมาใบหน้ากลับเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นแบบคนแก่ ทำเอาขนลุกไปตามๆ กัน 

วัทนี่ 14 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าจับกุม บังลุค ไม้ใหญ่ พร้อมพวกอีก 4 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่รับทราบผ่านสื่อสังคมออนไลน์แอปพลิเคชัน TikTok ใช้ชื่อ บังลุค ไม้ใหญ่ กมลา โพสต์ภาพและข้อความในขณะกำลังโค่นต้นไม้ ทราบภายหลังเป็น ตะเคียนสามพอน และไม้หวงห้ามจำนวนมาก อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากระทะคว่ำ

จากการตรวจสอบพบมีผู้เลื่อยและเคลื่อนย้ายไม้โดยใช้รถแบ็กโฮ ผู้ต้องหา 5 คน ชาย 4 หญิง 1 จึงควบคุมตัวพร้อมของกลาง ไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกโค่นล้ม 33 ท่อน/ต้น เลื่อยยนต์ 3 เครื่อง อุปกรณ์การชักลากไม้หลายรายการ และรถแบ็กโฮ 1 คัน ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยนายอัมรี เพชรมณี อายุ 29 ปี ชาวสตูล รับว่าเครื่องเลื่อยยนต์ทั้งหมดเป็นของตน

...

ที่เกิดเหตุอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากระทะคว่ำ หมู่ 2 ต.สองแพรก อ.เมือง จ.พังงา โดยคิดมูลค่าเสียหายต้นไม้จำนวน 33 ท่อน/ต้น รวมเป็นเงิน 1,974,390 บาท และตรวจยึดพื้นที่จำนวน 3 ไร่ 3 งาน 40 ตารางวา

แต่แล้วสื่อมวลชนที่ลงพื้นที่ทำข่าว ก็ได้เจอกับเรื่องน่าประลาดใจ เมื่อนางขนกวรรณ พรหมทอง ผู้สื่อข่าวสยามรัฐ ประจำจังหวัดพังงา ได้เข้าไปในนั่งโพรงไม้ต้นตะเคียน โดยให้ นายสุขสันต์ สมทรัพย์ ผู้สื่อข่าวพิเศษไทยทีวีสีช่อง 3 ประจำจังหวัดพังงา เป็นผู้ถ่ายภาพให้ โดยใช้โทรศัพท์มือถือ พบว่าภาพที่ปรากฏนั้นมีภาพหน้าตาแก่กว่าปกติมาก ทำให้ทั้งคู่และเจ้าหน้าที่หลายรายถึงกับขนลุก เชื่อว่าเป็นอิทธิฤทธิ์ของต้นตะเคียนอายุกว่า 100 ปีต้นนี้

จากนั้นนางขนกวรรณ พรหมทอง และนายสุขสันต์ นำธูปเทียน ได้เข้าขอขมาลาโทษต้นตะเคียนดังกล่าว หน้าศาลพระภูมิเจ้าที่เจ้าทาง ซึ่งบริเวณนั้นมี 2 ศาล ศาลแรกมีชื่อว่า ศาลขุนชิน และศาลขุนปราบ ส่วนอีกศาลคือ ศาลขุนไม้ เมื่อขอขมาลาโทษแล้วทั้งคู่ได้เตรียมเข้าทำบุญใส่บาตรที่วัดในวันรุ่งขึ้นต่อไป