ครูสาวโรงเรียนชุมชนบ้านปาดัง ป่วยมะเร็งเต้านมระยะ 2 ต้องรักษาตัว ทำให้คุณแม่อดีตครูที่เกษียณไป 7 ปี คัมแบ็กมาสอนนักเรียนแทนลูก ด้วยความรักอยากให้ลูกได้พัก บอกอายุแค่ตัวเลข แต่ครูเป็นตลอดชีวิต
ผู้สื่อข่าวไทยรัฐที่ จ.สงขลา ได้เผยเรื่องราวสุดแสนประทับใจ เรื่องราวของความรักที่แม่มีต่อลูก และความรักที่ครูมีต่อนักเรียนที่เป็นลูกศิษย์ เมื่อครูสาวป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่ 2 ต้องรับการรักษา คุณแม่อดีตครูที่สอนโรงเรียนเดียวกัน เกษียณอายุราชการไปกว่า 7 ปี กลับมาสอนแทนลูกเพื่อให้ลูกได้พักผ่อน เป็นความรักความผูกพันของ 2 แม่ลูกและผูกพันกับโรงเรียน ที่สร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่ทราบเรื่อง
...
ที่โรงเรียนชุมชนบ้านปาดัง ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ผู้สื่อข่าวได้รับทราบเรื่องราวที่ คุณครูจริยา (สุวรรณรักษา) จอมพิพัฒน์พงศ์ อายุ 67 ปี เป็นชาวบ้านในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ ได้เข้ามาสอนหนังสือที่ชั้น ป.1/1 ที่ โรงเรียนชุมชนบ้านปาดัง เป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้ว เนื่องจาก ลูกสาวชื่อ น.ส.พนิดา หรือครูพี่หนิง จอมพิพัฒน์พงศ์ อายุ 40 ปี เป็นครูสอนนักเรียนที่ห้องดังกล่าว ได้ป่วยเป็นมะเร็งที่เต้านมระยะที่ 2 ต้องรับการรักษา และต้องทำเคมีบำบัด ทำให้เกิดอาการแพ้ยา จนผมร่วงหมดทั้งศีรษะ
คุณครูพี่หนิงโทรมาบอกคุณแม่ ที่ทำประกอบธุรกิจขายผ้าม่านอยู่ว่า "รู้สึกอ่อนเพลีย ลูกสอนเด็กไม่ไหวแล้ว ตั้งใจจะให้คุณแม่มาคุมห้องเฉยๆ" คุณแม่จึงรีบขับรถบึ่งมาที่โรงเรียน แล้วเดินไปหน้าชั้นสอนเด็กนักเรียนแทนลูกทันที ด้วยความที่คุณแม่จบวิชาเอกด้านการสอนเด็กเล็ก สอนโดยไม่มีท่าเขินอายอย่างชำนาญ เนื่องจากมากประสบการณ์ และเคยเป็นคุณครูสอนที่นี่มาก่อนจนกระทั่งเกษียณอายุราชการ
พอถึงวันที่สองคุณแม่ ก็ไปสอนแทนอีก คุณครูพี่หนิงจึงไปแจ้ง นายสุภาพ ทองน้อย ผู้อำนวยการโรงเรียน ว่า วันแรกเหตุการณ์ฉุกละหุกจึงไม่ได้เรียนให้ท่านทราบ ผู้อำนายการก็เป็นห่วงจึงได้มาตรวจสอบที่ห้องเรียน แล้วเป็นเรื่องบังเอิญ ที่ ผอ.สุภาพ ทองน้อย เคยเป็นลูกศิษย์ ของคุณครูจริยา ตั้งแต่สมัย ครูจริยา บรรจุครั้งแรก ที่โรงเรียนวัดบ่อเกด ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา ทางผู้อำนวยการเดินเข้ามาในห้องและแนะนำเด็กๆ ในห้องว่า คุณยายที่ยืนอยู่หน้าชั้นคนนี้ คือ คุณครูจริยา เป็นคุณแม่ของครูพี่หนิง เป็นครูของ ผอ. ด้วย ครูจริยาจึงได้สอนมาโดยตลอด จนเด็กทั้งห้องจำนวน 28 คน พากันตั้งใจเรียนอย่างสนุกสนาน
ด้านครูพนิดา หรือครูพี่หนิง ปัจจุบันได้สวมวิกผม กลับมาสอนนักเรียนเหมือนเดิม พร้อมรอทำการฉายแสงรักษาอาการป่วยมะเร็งในระยะที่ 2-3 แต่คุณแม่ก็ยังคงทำหน้าที่สอน และเป็นพี่เลี้ยงลูกจนกว่าลูกจะหายป่วย จนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น โดยเจ้าตัวไม่โทษโชคชะตา และคุณแม่ก็มาสอนโดยไม่มีค่าตอบแทน หรือค่าเหนื่อยแต่ประการใด สิ่งหนึ่งที่ได้จากเรื่องนี้ คือ ท่านเป็นแม่ที่รักลูกสุดชีวิต และมีจิตวิญญาณของความเป็นครูอยู่ในตัว แม้อายุจะเพิ่มขึ้นแต่ก็เป็นเพียงตัวเลข และขอต่อสู้เคียงคู่สู้ความเจ็บปวดที่ลูกสาวเป็นมะเร็งโดยไม่ยอมแพ้ชีวิต.
...