10 จังหวัด ปาร์ตี้ยา! เล่นพนัน แก๊งแว้น
โฆษก ศบค.แถลงผลจับกุมคนไม่กลัวเคอร์ฟิว ทั้งออกนอกบ้านและมั่วสุมยังพุ่งกว่า 900 คน แฉ 10 จังหวัดแรกล้วนพื้นที่ทำผิดซ้ำๆและเป็นที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ด้านตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองระดมกำลังกวาดล้างพวกท้าทายเย้ย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่สุราษฎร์ธานี ตม. ทลายปาร์ตี้บนเกาะพะงันหิ้ว 18 นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียดำเนินคดี ด้านแก๊งโจ๋มหาสารคามนัดรวมพลบนสันอ่างเก็บน้ำถูกเจ้าหน้าที่ไล่จับได้ถึง 30 คน ขณะที่ตำรวจนครบาลรวบ 4 วัยรุ่นเสพน้ำชาผสมยาแก้ไอ ส่วนที่ศรีสะเกษศาลลงโทษปรับ 2 วัยรุ่นไม่สวมหน้ากากอนามัยออกนอกบ้าน
เจ้าหน้าที่ยังคงเข้มงวดจับกุมผู้กระทำผิดฝ่าฝืนท้าทาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินและประกาศเคอร์ฟิวอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อช่วงสายวันที่ 17 เม.ย. พ.ต.ท.วิรัตน์ จีนเมือง สว.กก.สส.ภ.จ.พัทลุง คุมตัวผู้ต้องหา 6 คนประกอบด้วยนายธวัชชัย หรือมัน ทองสม อายุ 40 ปี นายช่างโยธา เทศบาลตำบลหารเทา อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง นายภูชิสส์ หรือภูมิ ไหมคง อายุ 19 ปี นางอุทัย หรืออิ๊ด หนูรักษ์ อายุ 39 ปี น.ส.วรางคณา หรือแพรว หนูเลิศ อายุ 19 ปี น.ส.สุกัญญา หรือเอริน แหละหมัน อายุ 21 ปี และเยาวชนอายุ 17 ปี อีก 1 คน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ป่าบอน จ.พัทลุง ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
...
สืบเนื่องจากช่วงเย็นวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมาตำรวจสืบสวน ภ.จ.พัทลุง ร่วมกับตำรวจปราบปรามยาเสพติด กก.3 บก.ปส.4 ทหาร กอ.รมน.จ.พัทลุง และฝ่ายปกครองอำเภอป่าบอน นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเช่าเลขที่ 318 หมู่ 3 ต.ป่าบอน อ.ป่าบอน หลังรับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีการมั่วสุมยาเสพติดพบผู้ต้องหาทั้งหมดนั่งจับกลุ่มเสพยาอยู่ในบ้าน ยึดของกลางยาบ้าได้ 21 เม็ด ยาไอซ์ 2 ถุงน้ำหนัก 1.01 กรัมพร้อมอุปกรณ์เสพยาไอช์และยาบ้าอย่างละ 1 ชุด จากการสอบสวนผู้ต้องหา 5 คนให้การภาคเสธ โดยยอมรับเสพยา แต่ไม่มีใครรับเป็นเจ้าของยาเสพติดดังกล่าว มีเพียง น.ส.สุกัญญาที่ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เสพยา กระทั่งเจ้าหน้าที่นำไปตรวจปัสสาวะพบฉี่สีม่วงทุกคน
ด้าน พ.ต.ท.ชัชชัย ไหมวัฒนา รอง ผกก.ป.สภ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม นำกำลังไปจับกุมเด็กวัยรุ่นมั่วสุมกันบริเวณสันอ่างเก็บน้ำห้วยขอนสัก ต.ดอนกลาง อ.โกสุมพิสัย เมื่อไปถึงพบกลุ่มวัยรุ่นจอดรถนั่งอยู่ตามสันอ่างเก็บน้ำหลายสิบคัน ก่อนคุมตัวได้ 30 คน อายุ 13-18 ปี พร้อมของกลางรถ จยย. 20 คัน สอบสวนทราบว่าวัยรุ่นดังกล่าว ซึ่งมีอยู่หลายกลุ่มได้รวมตัวกันบนสันอ่างตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา นายอุดม สุวรรณดี กำนันตำบลวังยาง เคยนำเจ้าหน้าที่ไปตักเตือน เนื่องจากผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ทั้งหมดไม่สนใจยังคงฝ่าฝืนนำรถ จยย.รวมตัวกันทุกคืนไม่ต่ำกว่า 70-80 คัน ขณะที่เด็กวัยรุ่นอ้างว่าสาเหตุที่รวมตัวกันเพราะปีนี้ห้ามเล่นสาดน้ำสงกรานต์ เลยนัดติดต่อกันทางเฟซบุ๊กเพื่อพบปะกัน บางกลุ่มนำรถแต่งมาโชว์และแข่งกัน
ที่ สภ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด นายภูมิจิตร ช้างศรี อายุ 19 ปี นายภาสกร ชุรี อายุ 21 ปี น.ส.วรรณิตา จันทะไทย อายุ 19 ปี และเยาวชนอายุ 15 ปีอีก 1 คน เข้ามอบตัวกับตำรวจ หลังจากเมื่อเย็นวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา 1 ในวัยรุ่นได้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Gorogod Polyiam” ไลฟ์สดมั่วสุมดื่มเหล้ากันที่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 2 หนองขอนแก่น ต.คำนาดี อ.โพนทอง หลังเกิดเหตุตำรวจไปตรวจสอบ แต่กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวแยกย้ายกันไปหมดแล้ว กระทั่งเจ้าของบ้านตามตัวไปมอบตัวกับพนักงานสอบสวน โดยมี พ.ต.อ.สมพาน มุทาพร ผกก.สภ.โพนทอง ร่วมสอบปากคำพร้อมตั้งข้อกล่าวหาว่าชุมนุมหรือมั่วสุมกัน (ดื่มสุรา) ในสถานที่แออัด อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ขณะที่ พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ ร่วมกับ พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ นำกำลังตรวจสอบการมั่วสุมดื่มสุราและเล่นการพนันในห้องพักสิริเพลช ห้อง C512 11/1 ถนนเจดีย์ปล่อง ต.ช้างเผือก ได้ผู้ต้องหา 7 คน มี น.ส.สุมินตรา ฟองคำ อายุ 24 ปี เจ้าของห้อง นายวีรยุทธ เพื่อนฝูง อายุ 22 ปี นายทัตพงศ์ สมใจ อายุ 25 ปี น.ส.ดาริน จินดารัตน์ อายุ 31 ปี นายพงศ์ธยศ ภัทรภักษร อายุ 32 ปี นายพิภพ เชื้อเมืองพาน อายุ 28 ปี และนายรุจรดา บุญปั๋น อายุ 25 ปี พร้อมของกลางเหล้า 1 ขวด ไพ่ 1 สำรับ และเงินสด 1,351 บาท
ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ เวลา 00.30 น. วันที่ 17 เม.ย. พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง ผกก.สน.บางเขน นำกำลังฝ่ายสืบสวนเข้าจับกุมนายอนันต์ หรือนัน ต่ายโหมด อายุ 39 ปี นายอาทิตย์ หรือตี๋ คล้ายพงษ์ อายุ 20 ปี นายปฐมพล หรือปลั่ง เครือแก้ว อายุ 21 ปี และนายนันทวัฒน์ หรือท็อป ปินตา อายุ 22 ปี พร้อมของกลางน้ำชาลิปตันผสมยาแก้ไอ 1 ถัง จุประมาณ 4 ลิตร ขณะนั่งมั่วสุมบริเวณหน้าบ้านพักภายในหมู่บ้านบางเขนวิลล่า ซอยสุขาภิบาล 5 ซอย 5 แยก 24-1 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. สอบสวนผู้ต้องหายอมรับว่านัดรวมตัวปาร์ตี้น้ำชาผสมยาแก้ไอตั้งแต่ก่อนเวลา 22.00 น. เรื่อยมาจนกระทั่งถูกตำรวจเข้าจับกุม
ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. แถลงผลการจับกุมในช่วงประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อว่า ตม.แม่สอด จ.ตาก จับกุมรถโดยสารบริษัทเชิดชัยทัวร์ 3 คัน ลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา 18 คน ไม่มีหนังสือประจำทาง ดำเนินคดีทั้งคนขับและแรงงานต่างด้าว ข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และพบรถตู้โดยสารไม่ประจำทางวิ่งจากตาก-แม่สอด 7 คัน ขนแรงงานเมียนมา 63 คน ทั้งหมดมีหนังสือ เดินทางและเอกสารประจำตัวประสงค์จะกลับบ้าน จึงให้ออกทางฝั่งสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ส่วนคนขับ 7 คน แจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อฉบับที่ 9/2563 ขณะที่ตม.สุราษฎร์ธานีจับกุมชาวรัสเซีย 18 คน มั่วสุมจัดปาร์ตี้ที่บ้านหลังหนึ่งบนเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่พบเครื่องเสียงและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่ใช้สำหรับเปิดเพลง และยังมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมาก แจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
...
ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 10.30 น. พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงกรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และผลการปฏิบัติในช่วงเวลาเคอร์ฟิว พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกข้อบังคับ 6 ฉบับ มีหลักการใหญ่ๆเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบการ สามารถวิ่งรถได้ตลอดเวลานอกเวลาเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 04.00-22.00 น. แต่เดินรถได้อย่างเดียวห้ามจอดรถทั้ง 2 ฝั่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 16-30 เม.ย.
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ตั้งแต่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งจุดตรวจทั่วประเทศ 998 จุด ดำเนินคดีกับบุคคลที่กระทำความผิด 7,000 กว่าราย ส่วนการดำเนินการกับผู้ฝ่าฝืน รวม กลุ่มในเคหสถาน มีการดำเนินการกับผู้กระทำผิดหลายร้อยราย แสดงให้เห็นว่ายังมีพี่น้องประชาชนบางส่วนที่ยังไม่เข้าใจ ไม่เชื่อฟังคำสั่งของทางราชการ ดังนั้นการตรวจตราจะเข้มข้นต่อไปอย่างต่อเนื่อง สำหรับผลการจับความผิดที่เกี่ยวข้องกับหน้ากากอนามัยและเวชภัณฑ์นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. จนถึงวันที่ 16 เม.ย.จับกุมร่วม 400 คดี ส่วนการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับข่าวปลอม ข่าวบิดเบือน มีผลการจับกุมตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. รวม 33 คดี มีผู้ต้องหารวม 39 ราย ส่วนสถานบริการที่ยังฝ่าฝืนการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีผลการจับกุมตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.ถึงวันที่ 16 เม.ย.62 คดีมีผู้ต้องหาร่วม 300 คน
ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงว่า ผลการปฏิบัติงานของฝ่ายมั่นคงช่วงเคอร์ฟิว คืนวันที่ 16 เม.ย.ต่อเนื่องเช้าวันที่ 17 เม.ย. มีผู้ฝ่าฝืนออกนอกเคหสถาน 820 คน น้อยกว่าคืนก่อน 12 คน ชุมนุม มั่วสุม 109 คน น้อยกว่าคืนก่อน 59 คน จังหวัดที่มีผู้ฝ่าฝืนมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี กทม. สมุทรสาคร สมุทรปราการ สระบุรี เชียงใหม่ ลพบุรี และสงขลา ซึ่งเป็นจังหวัดซ้ำๆที่มีการกระทำผิดก่อนหน้านี้ และจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ขณะที่จังหวัดที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่มีผู้กระทำผิดเลย ประกอบด้วย มหาสารคาม หนองคาย แม่ฮ่องสอน พิจิตร พังงา ระนอง เพชรบุรี ส่วนจังหวัดที่มีผู้กระทำผิดเพียง 1 ราย มี 3 จังหวัดคือ ยโสธร อำนาจเจริญ และศรีสะเกษ
...
ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุดมีหนังลือกำชับพนักงานอัยการทั่วประเทศให้บังคับใช้กฎหมายและมาตรการต่างๆกับผู้กระทำการฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยรวดเร็ว เฉียบขาด และมีคำขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยยับยั้งและหยุดการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVD-19) และวันนี้มีการรวบรวมผลการดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนพระราชกำหนดของพนักงานอัยการทั่วประเทศช่วงวันที่ 3-17 เม.ย.63 ทั้งสิ้น 9,061 คดี มีผู้ถูกดำเนินคดี 11,827 คน จากสถิติจำนวนคดีและผู้กระทำความผิดดังกล่าวเทียบกับช่วงแรกที่บังคับใช้พระราชกำหนด ระยะหลังมีแนวโน้มลดลง แต่การกระทำความผิดโดยรวมแล้วยังมีการฝ่าฝืนค่อนข้างสูง
ส่วนกรณีศาลจังหวัดกันทรลักษ์ยกฟ้องคดีตำรวจ สภ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จับกุมชาย 2 คนฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อไม่สวมหน้ากากอนามัยขณะออกนอกบ้านเพื่อป้องกันโรคติดต่อโควิด-19 โดยระบุว่ากฎหมายไม่ได้ให้อำนาจเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อออกคำสั่งกำหนดเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ ไม่มีกฎหมายกำหนดห้ามและกำหนดโทษไว้ ล่าสุดนายธนบัตร สังวรณ์ อัยการจังหวัดกันทรลักษ์ เปิดเผยเรื่องดังกล่าวว่า ได้ส่งรายงานเรื่องไปยังโฆษกรัฐบาลแล้ว ส่วนการอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลทำตามลำดับขั้นตอนคือรายงานไปที่สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อให้พิจารณาการอุทธรณ์ต่อไป
วันเดียวกัน ศาลจังหวัดศรีสะเกษมีคำพิพากษาลงโทษ 2 วัยรุ่นถูกตำรวจ สภ.วังหิน จับกุมข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อไม่สวมหน้ากากอนามัย ขณะนั่งมาในรถยนต์ผ่านจุดตรวจควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อปรับ 2 พันบาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งปรับ 1 พันบาท
...
เวลา 15.00 น. นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา เรียกประชุมหารือข้อราชการทางไกลผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับอธิบดีผู้พิพากษาภาค และอธิบดีผู้พิพากษาศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาความผิดในคดีฝ่าฝืนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 (คดีหน้ากากอนามัย) เพื่อพิจารณาปัญหาข้อกฎหมายต่างๆ ได้ข้อสรุปว่าผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการออกคำสั่งห้ามบุคคลออกจากเคหสถานโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย และพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการกำหนดโทษ เพื่อประกอบการพิจารณาและใช้ดุลพินิจแก่ศาลทั่วประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีความเห็นว่าในการใช้ดุลพินิจของศาลพึงต้องใช้ดุลพินิจเป็นรายคดี คำนึงถึงสภาพแห่งข้อหาและการกระทำความผิด ตลอดจนโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมของจำเลย ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019