ตัวแทนจากทุกองค์กร ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ใน จ.กระบี่ ร่วมแถลงข่าวสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวในโครงการ “KRABI we care” ตามแนวคิด “KRABI Goes Green” ก่อนการแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19” จะรุนแรงขึ้น จนรัฐบาลต้องประกาศ พ.ร.บ.สถานการณ์ฉุกเฉิน.
วันนี้ทุกประเทศทั่วโลกไม่เพียงเผชิญกับปัญหาภัยพิบัติจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ยังต้องเผชิญกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ที่ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาให้ความสำคัญกันมากขึ้น
เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งสภาวะโลกร้อน มลพิษทางอากาศ ฝุ่นควัน ปัญหาขยะที่ย่อยสลายยาก
ที่ผ่านมาหลายหน่วยงาน หลายองค์กร ทั้งจากภาครัฐ และภาคเอกชน หันมาร่วมมือกันแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง บูรณาการการทำงานเข้าด้วยกันจนเกิดกิจกรรมด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมขึ้นมากมาย
...
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรณรงค์ให้ผู้คนหันมาเลิกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติก หรือโฟม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของต้นเหตุปัญหาขยะที่ยากต่อการกำจัด
นับตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา หลายองค์กรจัดกิจกรรมรณรงค์งดใช้ถุงพลาสติก และโฟม มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบรรดาห้างสรรพสินค้าทุกแห่ง ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
จ.กระบี่ เป็นหนึ่งในจังหวัดที่เดินหน้ากับการรณรงค์งดใช้พลาสติก กล่องโฟม ก่อเกิดกิจกรรมรณรงค์หลากหลาย ทั้งการรณรงค์ใช้ถุงผ้าทดแทนถุงพลาสติกในชุมชน หรือการหิ้วปิ่นโตเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เป็นต้น
กิจกรรมรณรงค์ต่างๆที่จัดขึ้น ถือว่าได้รับความร่วมมือจากกลุ่มผู้ประกอบการ และประชาชนในพื้นที่ ขานรับเป็นอย่างดี โดยมีหัวเรือใหญ่ของจังหวัดคือ พ.ต.ท.ม.ล.กิติบดี ประวิตร ผวจ.กระบี่ คอยผลักดัน จนมีการประกาศนโยบาย “KRABI Goes Green” ขึ้น
แนวคิดและนโยบาย “KRABI Goes Green” เป็นการดำเนินการในเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนให้หันมามีใจรักต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัว ใส่ใจในทุกปัญหาในพื้นที่ แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมผู้คน และไม่สามารถเห็นผล ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
...
หากแต่แนวคิดดังกล่าว สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของผู้คนใน จ.กระบี่ ที่ให้ความสำคัญกับทุกปัญหา ทั้งปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม อาชญากรรม ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ เพราะ จ.กระบี่ จัดเป็นเมืองท่องเที่ยวแถวหน้าของประเทศและของโลก ในแต่ละปีสามารถทำรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศสูงเป็นลำดับ 4
...
สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนจากทั่วโลก ล้วนแต่อยากเดินทางมาท่องเที่ยว มาสัมผัสเมืองกระบี่ เพราะที่แห่งนี้มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งทางบก และทางทะเล สามารถรองรับผู้คนจากทั่วโลก
การจะทำให้ จ.กระบี่ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ยั่งยืน นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นที่จะมาเที่ยว จึงต้องเดินหน้าสร้างจิตสำนึกให้กับผู้คนในพื้นที่ สร้าง “หัวใจสีเขียว” ให้เกิดขึ้นกับชุมชนทุกชุมชน
ไม่เพียงแค่เรื่องของการดูแลรักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น หากแต่ต้องสร้างหัวใจสีเขียวในทุกมิติ ทั้งด้านการให้บริการ การเอาใจใส่ดูแลความปลอดภัยของผู้มาเยือน รวมถึงการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวแบบกรีน ที่เกิดขึ้นมากมายใน จ.กระบี่
...
พ.ต.ท.ม.ล.กิติบดี ประวิตร เจ้าของแนวคิด “KRABI Goes Green” เปิดเผยว่า แนวคิดดังกล่าว เป็นนโยบายหลักของ จ.กระบี่ ในการมุ่งสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวในระดับพรีเมียมของโลก การจะผลักดันให้ จ.กระบี่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับพรีเมียมได้นั้น จะต้องปรับแก้ปัญหาในทุกมิติ
ให้เป็นมาตรฐานสากลที่ผู้คนทั่วโลกยอมรับ ทั้งเรื่องของการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของผู้คนในท้องถิ่น การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น เอาไว้โชว์ให้ชาวโลกได้เห็น
การให้บริการที่เป็นธรรมกับนักท่องเที่ยว รวมถึงการดูแลในเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ว่า เมื่อใดก็ตามที่คุณเดินทางมาเที่ยว จ.กระบี่ คุณจะอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข ไร้ความกังวลทุกรูปแบบ
“KRABI Goes Green ไม่ใช่เป็นเพียงแนวคิดในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่เราต้องดูแลในทุกมิติ ผู้คน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยว เขานำเอาเม็ดเงินเข้ามาให้เรา เราจึงต้องตอบแทน สร้างความประทับใจในทุกๆเรื่องให้เขาเห็น ให้เขาประทับใจ จะเป็นแรงจูงใจให้เขาอยากกลับมาเที่ยว อยากกลับมาหาเราอีก” ผวจ.กระบี่ กล่าว
จุดเริ่มต้นเล็กๆ ตามแนวคิด “KRABI Goes Green” เป็นแนวทางที่ผู้คนควรจะหันมาให้ความสำคัญ ไม่เพียงแต่ จ.กระบี่ เท่านั้น หากแต่แนวคิดดังกล่าว สามารถนำไปปรับใช้กับทุกพื้นที่ของประเทศไทย
เพื่อสร้างเมืองสีเขียวไปด้วยกัน เริ่มจากจุดเล็กๆ คือการปรับความคิด ปรับทัศนคติของตัวเอง ให้มีจิตสำนึกต่อสังคม สร้างหัวใจสีเขียวขึ้นในตัวเรา แล้วสิ่งดีๆก็จะกลับคืนมาสู่ตัวเราทุกคน
ภายหลังจากชาวกระบี่ร่วมใจกันรณรงค์ตามแนวคิด “KRABI Goes Green” ได้เกิดภัยพิบัติการแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19” ขึ้นจึงต้องมาโหมโรงรณรงค์กันอีกครั้งหลังสถานการณ์คลี่คลายลง.
วิสุทธิ์ รองพล รายงาน