จนท.ด่านกักกันสัตว์สงขลา ปัดฝังกลบไก่ทั้งเป็น แจงพบไก่ตายจำนวนมาก ส่งเพาะเชื้อเจอโรคระบาด จึงต้องทำลายด้วยการดึงคอให้หมดความรู้สึกเป็นการทำการุณยฆาตแล้ว ด้าน กรมปศุสัตว์ พร้อมสอบข้อเท็จจริง

จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพขณะเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์สงขลาทำลายไก่ของกลางที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย เกือบ 4,000 ตัว ซึ่งดูเหมือนเป็นการขุดหลุมและโยนไก่ลงไปฝังทั้งเป็นและกระแสสังคมตั้งข้อสังเกตว่าเข้าข่ายการทารุณกรรมสัตว์หรือไม่ และทำตามระเบียบขั้นตอนของกรมปศุสัตว์หรือไม่ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (21 พ.ย.)

ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พ.ย.62 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังด่านกักกันสัตว์สงขลาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรื่องนี้กับ นางสาวรัญกิตย์ สิสม นายสัตวแพทย์ชำนาญการ รักษาการในตำแหน่ง หัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลา แต่ยังไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์ เพียงแต่ได้ให้เจ้าหน้าที่มีชี้แจงประเด็นข้อสงสัยในเบื้องต้น โดยเฉพาะภาพที่มีการโยนไก่เป็นๆ ลงไปในบ่อ ซึ่งกลายเป็นข้อสงสัยว่าเป็นการฝังกลบไก่ทั้งเป็นหรือไม่นั้น

...


เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์สงขลา ยืนยันว่าเป็นการทำลายด้วยวิธีการดึงคอให้ไก่หมดความรู้สึกอย่างรวดเร็วตามหลักการการุณยฆาต แล้วนำซากไก่ทั้งหมดฝังในหลุม แต่บางตัวอาจจะยังไม่ตายทันทีทำให้ดูเหมือนว่าโยนไก่ลงไปเป็นๆ ซึ่งทางรักษาการหัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลาจะชี้แจงในรายละเอียดของเรื่องนี้เป็นหนังสืออีกครั้ง

ในขณะที่กรมปศุสัตว์ ได้ชี้แจงรายละเอียดของเรื่องนี้แล้วเช่นกัน โดยนายสัตวแพทย์สรวิศ รานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากรักษาการ หัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลาว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2562 เวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ และเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์สงขลาร่วมกันยึดอายัดสัตว์ไก่ที่มีผู้ลักลอบนำสัตว์เข้าผ่านพื้นที่เขตอารักขาของศุลกากรปาดังเบซาร์ ตำบลสะเดา จังหวัดสงขลา โดยบรรจุในตะกร้าพลาสติก 664 ใบ ซึ่งผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร และพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 จากนั้นนำของกลางมากักไว้ภายในพื้นที่ด่านกักกันสัตว์สงขลาในเวลาประมาณ 23.00 น. โดยไก่ยังอยู่ในตะกร้าพลาสติกทั้งหมด วางไว้ใต้ต้นไม้ซึ่งมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก

ต่อมาในวันที่ 20 พ.ย.เวลาประมาณ 08.30 น. ไก่ของกลางเริ่มทยอยตาย สัตวแพทย์ประจำด่านกักกันสัตว์สงขลาจึงได้ตรวจสุขภาพเบื้องต้นพบว่า มีอาการหอบ หายใจรุนแรง พิจารณาแล้วสงสัยว่า อาจเป็นโรคระบาดเนื่องจากไม่มีการขออนุญาตนำเข้า ไม่มีเอกสารยืนยันแหล่งที่มา ไม่มีหนังสือรับรองสุขภาพสัตว์ (Health Certifcate) และไม่ผ่านการตรวจสอบจากประเทศต้นทาง ประกอบกับจังหวัดสงขลาได้ประกาศเป็นเขตเฝ้าระวังโรคระบาดชนิดไข้หวัดนกในสัตว์ปีกจำพวกนก ไก่ เป็ดและห่าน รวมถึงน้ำเชื้อสำหรับผสมพันธุ์และไข่สำหรับใช้ทำพันธุ์ จึงประสานไปยังศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคใต้ตอนล่างร่วมผ่าพิสูจน์ซากไก่ที่ตาย

เบื้องต้นพบความผิดปกติในระบบทางเดินหายใจ โดยมีจุดเลือดออกที่หลอดลม พบได้ในโรคไข้หวัดนก พบก้อนหนองที่ปอดและช่องท้องซึ่งพบได้ของโรคนิวคาสเซิลและโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง (ChronicRespiratory Disease, C.R..) ตับและม้ามโตผิดปกติซึ่งสงสัยติดเชื้อ (Salmoela) จึงเก็บตัวอย่างส่งตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ


ต่อมา ด่านกักกันสัตว์สงขลาพิจารณาแล้วเห็นว่า ไก่ของกลางดังกล่าวสงสัยว่าเป็นโรคระบาด หากปล่อยไว้เนิ่นนานอาจทำให้โรคแพร่กระจายออกไปซึ่งจะก่อความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการผลิตสัตว์ปีกของประเทศไทยได้ จึงได้ทำลายของกลางดังกล่าว ด้วยวิธีการดึงคอให้ไก่หมดความรู้สึกอย่างรวดเร็ว ตามหลักการการุณยฆาต แล้วนำซากไก่ทั้งหมดฝังในหลุมโดยปฏิบัติภายใต้ระเบียบกรมปศุสัตว์ ว่าด้วยการดำเนินการกับสัตว์หรือซากสัตว์ของกลางที่เป็นโรคระบาดหรือเป็นพาหะของโรคระบาด ที่ถูกยึดหรืออายัดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์หรือตามกฎหมายอื่น พ.ศ. 2558

อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องภาพขณะเจ้าหน้าที่ฝังกลบไก่ โดยที่ไก่ยังไม่ตาย ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกไม่สบายใจและสะเทือนความรู้สึกได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวด่วนที่สุด หากปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ฝังไก่โดยไม่ทำลายตามหลักการการุณยฆาตก่อน ซึ่งหลักเกณฑ์และวิธีการทำลายสัตว์ตามประกาศของกรมปศุสัตว์จะลงโทษตามระเบียบต่อไป.