คนใจร้ายทิ้งทารกวัย 7 เดือน ลงชักโครกในห้องพักแมนชั่นกลางเมืองคอน หลังมาเช่าห้องวานนี้ ตร.เร่งตรวจสอบ แต่ไม่เห็นหน้าหญิงที่เข้าพัก เพราะวงจรปิดเสีย แต่เก็บคราบเลือดไปตรวจดีเอ็นเอต่อไป... 

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 3 มิ.ย.62 พ.ต.ท.วิรัตน์ แท่นทอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งพบศพทารกถูกทิ้งในชักโครกห้องพักชั้น 4 แมนชั่นแห่งหนึ่ง ย่านถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ตำรวจชุดสืบสวน และกู้ภัยนคร รุดไปตรวจสอบ

เมื่อถึงที่เกิดเหตุบริเวณห้องโถงชั้นล่างของแมนชั่น พบศพทารกเพศชาย ผิวขาว อายุประมาณ 6 – 7 เดือน สภาพสมบูรณ์มีรกติดคาอยู่ ถูกนำมาไว้ในถุงดำ ตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบบาดแผลใด คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่เกิน 12 ชั่วโมง ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตยังไม่แน่ชัดว่า ถูกกินยาขับให้ออกมา หรือแท้งออกมาเอง จึงนำศพทารกไปผ่าพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดต่อไป จากนั้นได้ขึ้นไปตรวจสอบห้องพักเลขที่ 403 พบว่าห้องพักถูกพนักงานทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว 

สอบถามพนักงานแมนชั่น ระบุว่า ห้องพักดังกล่าว เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น.วานนี้ (2 มิ.ย.) ได้มีลูกค้าทราบชื่อลงทะเบียนเปิดห้องพักระบุ น.ส.อุบล สุวรรณมณี อายุ 30 ปี มาเปิดห้องพักเพียงคนเดียว แต่ไม่แน่ชัดว่าห้องพักดังกล่าวมีคนพักกี่คน กระทั้งเวลา 12.00 น.ลูกค้านำกุญแจห้องมาคืนและเช็กเอาต์ จากนั้นเวลาประมาณ 15.30 น. พนักงานหญิงของแมนชั่นขึ้นไปทำความสะอาดห้องพัก และพบผ้าอนามัยเปื้อนเลือดถูกทิ้งในถังขยะ รวมกับถุงขนมขบเคี้ยว ส่วนเตียงนอนพบคราบเลือดบางส่วน แต่พนักงานทำความสะอาดไม่เอะใจ คิดว่าลูกค้าอาจมีประจำเดือน

จากนั้นเข้าทำความสะอาดในห้องน้ำ แต่ปรากฏว่าชักโครกกดน้ำไม่ลง คล้ายชักโครกตัน จึงเรียกพนักงานชายมาช่วย กระทั่งพนักงานชายล้วงมือลงในคอห่าน เพราะคิดว่าลูกค้าน่าจะทิ้งผ้าอนามัยในชักโครก แต่ปรากฏว่าพบศีรษะทารกติดคาคอห่าน และดึงขึ้นมาพบเป็นศพทารกเพศชาย จึงแจ้งตำรวจตรวจสอบ 

...

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามพนักงานแมนชั่น ทราบว่า ผู้หญิงที่ลงลายมือชื่อเช็กเอาต์เมื่อวานนี้ รูปร่างลักษณะไม่เหมือนคนตั้งครรภ์ จึงยังไม่แน่ชัดว่าเป็นคนเดียวกับที่ทิ้งทารกในชักโครกหรือไม่ ซึ่งจะตรวจสอบรายชื่อดังกล่าวว่าเป็นคนเดียวกับที่มาเช็กเอาต์หรือไม่ ส่วนกล้องวงจรปิดของแมนชั่น ก็ถูกฟ้าผ่าได้รับความเสียหายเมื่อไม่นานมานี้ จึงไม่สามารถตรวจสอบใบหน้าลูกค้าที่มาพักห้องดังกล่าวได้ จึงเก็บผ้าอนามัยเปื้อนเลือดเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอว่าเป็นของใคร และตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงแมนชั่น เพื่อติดตามแม่ใจยักษ์มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.