แม่วอนทั้งน้ำตา ขอเครื่องบิน ช่วยนำ"น้องฟา"ลูกสาววัย15ปี นักเรียนร.ร.กีฬานครศรีธรรมราช  นักกีฬายกน้ำหนักแชมป์ถ้วยพระราชทาน ส่งรพ.พระมงกุฎฯ หนทางสุดท้ายที่จะรักษา หลังลูกเหล็กหล่นทับหลังเดาะ หมอบอกให้ทำใจ 

วันที่ 31 พ.ค. ช่วงเย็น ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงพยาบาลทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช หลังจากที่ได้รับแจ้งจากญาติๆ ของนส.ณัฏฐธิดา หรือน้องฟา สุชาติพงศ์ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นม.4 โรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช อ.ทุ่งสง อยู่บ้านเลขที่ 144 หมู่ 8 ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ว่าครอบครัวของน้องฟา กำลังอยู่ในความเดือดร้อนวิตกกังวลและมีความทุกข์อย่างหนัก ไม่รู้จะช่วยน้องฟาได้อย่างไร เนื่องจากน้องฟาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการฝึกซ้อมกีฬายกน้ำหนัก

เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล น้องฟานอนพักอยู่บนเตียงผู้ป่วย โดยมีนางสุภาภรณ์ สุชาติพงศ์ อายุ 40 ปี มารดา นายนุกูล สุชาติพงศ์ อายุ 42 ปี บิดา และญาติๆ คอยเฝ้าดูแลน้องฟาอยู่อย่างใกล้ชิด

น.ส.ณัฏฐธิดา หรือน้องฟา ซึ่งนอนพักอยู่บนเตียงผู้ป่วยแบบไม่กระดิกกระเดี้ย เผยว่า ตนเป็นนักกีฬายกน้ำหนักของโรงเรียน ได้รับบาดเจ็บจากการฝึกซ้อมยกน้ำหนักที่โรงยิม หรืออาคารศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ภายในโรงเรียน หลังเลิกเรียนเมื่อวันจันทร์ ที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา 

ขณะทำการฝึกซ้อมเหล็กแบก น้ำหนัก 165 กก. กำลังยกลูกเหล็กเพื่อจะแบก อยู่ดีๆเข่าก็ทรุดลง เพื่อนที่ฝึกซ้อมอยู่ด้วยกันจึงเข้าช่วยผลักร่างเบนออกให้พ้นจากลูกเหล็ก เพื่อไม่ให้เหล็กทับคอ แต่เหล็กก็ตกใส่กลางหลัง ทำให้เข่าทั้งสองข้างเดาะ ร่างทรุดฮวบลงกับพื้น ได้รับการช่วยเหลือนำส่งรพ.ทุ่งสง ตอนนี้ท่อนล่างของร่างกายชา ขยับไม่ได้ ไม่มีความรู้สึกใดๆ

...

หลังจากที่ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับน้องฟาแล้ว นางสุภาภรณ์ มารดาของน้องฟา ได้เชิญให้ผู้สื่อข่าวออกมาพูดคุยด้านนอกห้องผู้ป่วย โดยระบุว่า ไม่ต้องการให้บุตรสาวได้ยินการพูดคุยหรือการสนทนาระหว่างตนกับผู้สื่อข่าว โดยนางสุภาภรณ์กล่าวว่า หลังเกิดเหตุบุตรสาวถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล และได้รับการผ่าตัดเบื้องต้น เมื่อออกจากห้องผ่าตัด แพทย์ได้แจ้งให้ครอบครัวทำใจ เนื่องจากน้องฟาแทบจะหมดโอกาสกลับมาเดินได้เหมือนคนปกติอีกแล้ว โอกาสมีเหลืออยู่แค่ 0.01 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น โดย 99.99 เปอร์เซ็นต์น้องจะกลายเป็นคนพิการ พร้อมแนะนำให้เตรียมทำรั้วหรือราวสำหรับให้น้องฟาเกาะทำกายภาพ 

หลังได้รับแจ้งจากแพทย์ ตนและสามีรวมถึงญาติๆได้ปรึกษากัน หัวอกของแม่และพ่อจะปล่อยให้ลูกมานอนอยู่ที่นี่ในสภาพอย่างนี้ คงไม่ได้ ในระยะ3– 4วันมานี้ จึงพยายามหาช่องทางเพื่อจะช่วยลูก รักษาลูก จนได้ข้อมูลว่า โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในกรุงเทพมหานคร มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะประจำอยู่ 

"จึงได้ประสานสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทยช่วยประสานติดต่อรพ.ดังกล่าว ส่งแผ่นฟิล์มเอกซเรย์ของบุตรสาวพร้อมประวัติการรักษา ไปให้ทีมแพทย์รพ.พระมงกุฎตรวจสอบวินิจฉัย ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแจ้งกลับมาว่า เคสของบุตรสาวเป็นคเสที่รุนแรงและหนักมาก ทั้งในส่วนของกระดูก กล้ามเนื้อ เอ็น เส้นเลือด ระบบที่เกี่ยวข้องกับประสาท การส่งตัวไปรักษาที่รพ.พระมงกุฎเกล้า มีความเสี่ยงอยู่ในขั้นสูงสุด หากผิดพลาดในการเคลื่อนย้ายเพียงเล็กน้อย อาจจะทำให้หมดโอกาสในการรักษาทันที"

แม่น้องฟา กล่าวต่อว่า ได้ปรึกษากับทีมแพทย์ที่นี่ ได้รับแจ้งว่า รถพยาบาลของรพ.ทุ่งสง ไม่เคยขนย้ายผู้ป่วยออกนอกเขตจังหวัด หากจะย้ายไปรักษาที่อื่น พ่อแม่ต้องพาไปเอง และแนะนำให้ทำการบล็อกหลังผู้ป่วย หากจะเคลื่อนย้าย แต่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกเคลื่อนหรือแตกเพิ่ม ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้น จะทำให้ฟ้องฟาหมดโอกาสหรือไม่มีโอกาสกลับมาเดินได้เหมือนคนปกติอีกเลย ช่องทางการเคลื่อนย้ายที่ปลอดภัยที่สุดคือการเคลื่อนย้ายโดยเครื่องบินขนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ

จากเมื่อวาน จนถึงวันนี้เป็นเวลา 2 วัน ตนและครอบครัวพยายามติดต่อกับบริษัทผู้ประกอบการ ที่ให้บริการเครื่องบินขนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ ได้รับแจ้งถึงอัตราการค่าบริการที่สูงลิบลิ่ว ด้วยราคาหลักหลายแสนถึงหลักล้านบาท ซึ่งทำให้ตนและครอบครัวจนปัญญา เนื่องจากไม่มีเงินเพียงพอ ตนทำงานเป็นพนักงานธุรการ อบต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ส่วนสามี เป็นบุรุษไปรษณีย์ เป็นพนักงานนำจ่ายจดหมาย ของไปรษณีย์ทุ่งสง

"จึงขอวิงวอนถึงผู้ใจบุญ เจ้าของบริษัทผู้ประกอบการอากาศยานเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ที่มีจิตเมตตา มีใจกุศล ได้โปรดช่วยเหลือให้ความอนุเคราะห์การเคลื่อนย้ายบุตรสาว จากโรงพยาบาลทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไปยังรพ.พระมงกุฎเกล้า กรุงเทพมหานคร ซึ่งครอบครัวเราจะจารึกจดจำความช่วยเหลือในครั้งนี้ไปชั่วชีวิต ส่วนที่เชิญผู้สื่อข่าวออกมาพูดคุยด้านนอกห้อง เนื่องจากไม่ต้องการให้บุตรสาวรู้ว่า เขาจะต้องกลายเป็นคนพิการ เพราะถ้าเขาหมดกำลังใจ จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น ครอบครัวดิฉันเป็นครอบครัวนักกีฬา มีลูก 3 คน คนโตเป็นผู้ชาย 18 ปี เรียนอยู่ม.6 น้องฟาเป็นคนกลาง คนเล็กเป็นผู้หญิงอายุ 13 ปี เรียนม.1 และเป็นนักกีฬายกน้ำหนัก เช่นเดียวกับน้องฟา”

...

สำหรับน้องฟา เป็นนักกีฬาที่ขยันฝึกซ้อม เป็นตัวแทนจังหวัด ตัวแทนภาคใต้ ไปแข่งขันกีฬายกน้ำหนักเยาวชนมาตลอด ตอนเรียนประถมศึกษาเป็นนักวิ่ง พอมาเรียน ที่โรงเรียนกีฬาฯ ก็เป็นนักกีฬายกน้ำหนัก ตอนม.1 เป็นตัวแทนไปแข่งขันนักกีฬายกน้ำหนักเยาวชนหญิง ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้รับรางวัลชนะเลิศ ช่วงเดือนตุลาคม 2561 ตอนเรียนม.3 ได้รับรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานรัชกาลที่ 10 ที่จังหวัดราชบุรี

ส่วนการฝึกซ้อมที่ทำให้ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ เป็นการฝึกซ้อมหลังกลับจากการแข่งขันที่จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อเตรียมตัวไปแข่งขันชิงถ้วยพระราชทาน รัชกาลที่ 10 ที่จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ 11 มิถุนายนที่จะถึงนี้ จึงขอความเห็นใจ ขอวิงวอนผู้ใจบุญขอให้ช่วยเหลือด้วย การรักษาในขณะนี้ ได้รับเงิน ที่บรรดาครูในโรงเรียนรวบรวมเงินช่วยเหลือมา 2 หมื่นบาท เท่านั้น ตนและครอบครัวไม่มีเงินที่จะช่วยลูกในครั้งนี้จริงๆ

"แม้โอกาสในการรักษาจะริบหรี่ เป็นเคสหนึ่งในพัน หนึ่งในหมื่น หรือหนึ่งในแสน ที่อาจรักษาได้ แต่อยากช่วยลูกจนนาทีสุดท้าย"  นางสุภาภรณ์กล่าวอ้อนวอนทั้งน้ำตา