มติกรมอุทยานฯ-ฟื้นฟูปะการัง

กรมอุทยานฯมีมติชัดเจนแล้ว ให้ปิดอ่าวมาหยาอีก 2 ปี เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติให้ระบบนิเวศเข้าที่เข้าทาง รวมถึงมีระบบจัดการดูแลท่องเที่ยว และมาตรการลดผลกระทบ โดยจำกัดนักท่องเที่ยวบนฝั่ง ไม่ให้เรือเข้าด้านหน้าอ่าว ด้าน ผอ.สำนักอุทยานฯ ระบุก่อนเปิดอ่าวมาหยาต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบทรัพยากรอีกครั้งถึงความพร้อมและไม่ให้เกิดความเสียหายอีก และติดตามทุก 3 เดือนเพื่อเป็นตัวกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เหมาะสมในแต่ละวัน

หลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีมติเมื่อกลางปี 2561 ให้ปิดการท่องเที่ยว “อ่าวมาหยา” กลางทะเลอันดามัน เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ เนื่องจากพบว่าจากอดีตแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งนี้หนาแน่นไปด้วยเรือท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว ทำให้สภาพธรรมชาติเสื่อมโทรม ชายหาดทรุดตัว นอกจากนี้ยังพบสารเคมีบางชนิด เช่น ครีมกันแดดที่นักท่องเที่ยวใช้ทาตัวก่อนลงเล่นน้ำ กลับเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปะการังฟอกขาว จนนำไปสู่การประกาศปิดอ่าวเพื่อฟื้นฟูสภาพของระบบนิเวศ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-30 กันยายน 2561 และต่อมามีการขยายเวลาปิดอ่าวต่อเนื่องมาอีก 1 เดือน กระทั่งผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเรียกร้องให้มีการเปิดอ่าวอีกครั้ง ในเดือน พ.ย.ปีเดียวกัน แต่เมื่อ ต.ค.2561 กรมอุทยานฯกลับมีมติปิดอ่าวมาหยาอย่างไม่มีกำหนด ด้วยเหตุผลเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศชายหาดในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟื้นฟูปะการังที่เสื่อมโทรมอย่างหนัก และกำหนดการบริหารจัดการพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพกว่านี้ก่อน

ต่อมาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. นายธรณ์ ธำรงค์นาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ เปิดเผยความคืบความการปิดฟื้นฟูบริเวณอ่าวมาหยาและอ่าวโล๊ะซามะ ในเขตหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ว่า จากการประชุมที่ปรึกษาอุทยานทางทะเล กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีมติว่า การตัดสินใจที่จะเปิดปิดการให้บริการท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ โดยมีคำแนะนำของคณะที่ปรึกษาอุทยานทางทะเลประกอบการพิจารณา ซึ่งมีมติว่า กรมอุทยานฯจะปิดอ่าวมาหยาไปอีก 2 ปี เพื่อรอให้สภาพระบบนิเวศ ระบบจัดการดูแลท่องเที่ยว และมาตรการลดผลกระทบ โดยจำกัดนักท่องเที่ยวบนฝั่ง และไม่ให้เรือเข้าไปในอ่าวมาหยาเหมือนสมัยก่อน

...

นายธรณ์กล่าวว่า การฟื้นฟูอ่าวมาหยาเป็นส่วนหนึ่งของพีพีโมเดล โดยเน้นข้อมูลประกอบเป็นสำคัญ คือ 1.การศึกษาความสามารถในการรองรับเสร็จแล้ว มีตัวเลขพร้อม แต่ตัวเลขดังกล่าวคำนึงถึงการดูแลรักษาธรรมชาติเต็มระบบ 2.กรมอุทยานฯกำลังจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบป้องกันผลกระทบ เช่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ท่าเรือ บ้านพักเจ้าหน้าที่ เป็นต้น ซึ่งการจัดทำทั้งหมดจะเสร็จภายใน 1 ปีเศษ 3.ในขณะเดียวกันกรมอุทยานฯ กำลังจัดทำระบบอี-ทิกเก็ต (e-ticket) และระบบติดตามเรือ ซึ่งถ้าสมบูรณ์จะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการดูแลจัดการท่องเที่ยว 4.เมื่อระบบพร้อมอาจเปิดให้มีการทดลอง ในขณะเดียวกันจะมีการประเมินสภาพระบบนิเวศที่เกิดขึ้นจากการฟื้นฟู ทั้งแนวปะการัง ป่าชายหาด เป็นต้น 5.เมื่อการประเมินเสร็จ และผลเป็นตามคาดหวังจะมีการตัดสินใจอีกครั้งในการเปิดให้ท่องเที่ยว 6.การเปิดให้ท่องเที่ยวต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างเคร่งครัด ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่อรอบ จำนวนเรือ เป็นต้น 7.ที่สำคัญจะไม่เปิดให้เรือเข้าทางหน้าอ่าวอีกแล้ว เพราะฉะนั้นจะไม่มีผลกระทบต่อแนวปะการังที่กำลังฟื้นฟู หรือฝูงฉลามหูดำที่มาหากินบริเวณอ่าวมาหยา และ 8.ต้องมีการติดตามระบบนิเวศ รวมถึงผลกระทบอื่นๆ เช่น ปะการังฟอกขาวที่อาจเกิดขึ้น

ด้านนายทรงธรรม สุขสว่าง ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า มีมติจากกรมอุทยานฯแล้วว่าจะเปิดอ่าวมาหยาและอ่าวโล๊ะซามะในอีก 2 ปี แต่ต้องมีเงื่อนไขว่าก่อนจะเปิดคณะกรรมการจะเข้าไปตรวจสอบครั้งสุดท้ายอีกครั้ง ถึงความพร้อมของระบบนิเวศที่จะให้บริการกับนักท่องเที่ยว และจะต้องไม่เกิดความเสียหายอีก โดยมีการสร้างมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันความเสียหายของระบบนิเวศทั้งในน้ำและบนบก

“ภายหลังการเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวแล้ว จะต้องมีการติดตามตรวจสอบสถานภาพของทรัพยากรทุกๆ 3 เดือน เพื่อใช้เป็นตัวกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เหมาะสมในแต่ละวันหรือในแต่ละรอบของการเข้าชม เพื่อรักษาทรัพยากรที่มีให้คงอยู่” ผอ.สำนัก อุทยานแห่งชาติกล่าว