ชาวบ้านจังหวัดพัทลุงตื่นพบหินประหลาด กลมรีคล้ายไข่ไก่สีดำ แต่พอกระทบแสงพระอาทิตย์และแสงจันทร์กลับเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน เจ้าตัวเชื่อเป็นของดีเก็บติดตัวไว้เพื่อเป็นสิริมงคลตามความเชื่อ...
เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2562 นายชา สุขขวัญ อายุ 62 ปี ชาวบ้าน หมู่ 10 อ.ศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง เจ้าของหินประหลาดดังกล่าว โดยได้นำก้อนหินสีดำ ลักษณะกลมรี ขนาดความสูง 3 เซนติเมตร เส้นรอบวง 10 เซนติเมตร มาให้ทีมข่าวดู พร้อมกับกล่าวว่า ครอบครัวของตนมีความเป็นอยู่ที่ลำบาก มีอาชีพรับจ้างกรีดยาง ต้องไปอยู่ในขนำกลางป่าสวนยางพาราริมเทือกเขาบรรทัด เมื่อ 4 ปีก่อน ขณะที่เขาและนางจำเป็น หอยนกคง อายุ 57 ปี ภรรยา เดินเท้าลงมาจากขนำในป่าสวนยางพารา เพื่อมาซื้อเครื่องอุปโภค บริโภค ในหมู่บ้านไปสำรองไว้ใช้ในชีวิตประจำวันบนขนำริมเขา ระหว่างทางก่อนเข้าหมู่บ้านตรงจุดที่มีการปรับถนนลูกรัง ซึ่งเส้นทางดังกล่าวเป็นทางเดินเก่าแก่ที่ใช้มาตั้งแต่บรรพบุรุษ ได้พบก้อนหินก้อนประหลาดดังกล่าว โดยขณะเดินเท้าอยู่นั้นสังเกตเห็นสีดำแปลกดี จึงเก็บกลับไปที่ขนำ เมื่อนำไปถึงที่ขนำก็ไม่ได้สนใจ นำไปวางไว้ในตระกร้าปนกับซองกาแฟและของใช้อื่นๆ
...
เจ้าของหินประหลาดกล่าวต่อว่า เวลาผ่านไปเกือบ 2 ปี ก็มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับก้อนหิน เมื่อสังเกตดูพบว่าหินก้อนสีดำที่เห็นภายนอกกลับเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินโปร่งใส เมื่อกระทบกับแสงดวงอาทิตย์และแสงจันทร์ จึงนำมาให้เพื่อนบ้านและผู้ที่รู้ในหมู่บ้านช่วยกันดู ก็ได้วิเคราะห์ไปต่างๆ นานา บ้างก็บอกว่าเป็นไข่ในหิน บ้างก็บอกว่าเป็นไข่พญานาค ซึ่งเป็นของขลังตามความเชื่อสมัยโบราณเกี่ยวกับการป้องกันตัวเอง
นายชา กล่าวอีกว่า หลังจากที่พบว่าเป็นสิ่งแปลกประหลาด ทางครอบครัวก็ได้มีการจุดธูปเทียนบอกกล่าวและบูชา ในคืนที่จุดธูปเทียนบูชาครั้งแรก เหมือนกับมีแสงสีขาวพุ่งตรงไปที่ก้อนหินดังกล่าว ตนและครอบครัวจึงนำหินวางไว้บนหิ้งเพื่อบูชา และจะพกติดตัวไว้ตลอดเมื่อออกจากขนำ อย่างไรก็ดี ในความเชื่อของตน หลังจากที่ได้หินก้อนนี้มา ความเป็นอยู่ของครอบครัวดีขึ้น มีเงินใช้จ่ายโดยไม่ขัดสนเหมือนเมื่อก่อน
แต่ก็ยังต้องการรู้ว่าหินก้อนดังกล่าวเป็นหินอะไรจึงมีลักษณะแปลกประหลาดเช่นนี้
ก่อนหน้านี้เคยมีคนไปทดลอง โดยนำก้อนหินวางปนกับก้านไม้ขีดไฟโบราณ เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ปรากฏว่าก้านไม้ขีดดังกล่าวจุดติดเพียงก้านเดียว ที่เหลือหัวไม้ขีดเปื่อยจนจุดไม่ติดทั้งหมด เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตนเกิดความสงสัย จึงต้องการเรียกร้องให้ผู้รู้ได้เข้าไปตรวจสอบที่มาที่ไปของหินดังกล่าวว่าเป็นหินอะไร หรือเป็นสิ่งลี้ลับ วัตถุเครื่องรางของขลังตามความเชื่อสมัยโบราณ.