สุดยอดมารศาสนา!! บุกจับชายไม่เข็ดหลาบ เคยบวชเป็นพระติดคุกข้อหาอนาจารเด็ก พ้นโทษออกมา ยังแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ อ้างสนิทผู้ว่าฯ เมืองคอน - มทภ.4 ซ้ำยังข่มขู่หลอกลวงเรียกเงินเหมืองแร่ รับสินบนนายก อบต.
เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีผู้อ้างเป็นพระภิกษุสงฆ์ พำนักประจำอยู่ที่สำนักสงฆ์นาคราช หมู่ 10 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีความสนิทสนมกับ "นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช" และ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ข่มขู่หลอกลวงเรียกเงินจากเหมืองแร่แห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.กรุงชิง จำนวน 3,000 บาท และยังข่มขู่เรียกเงินจาก นายก อบต.กรุงชิง เมื่อนายก อบต.กรุงชิง ไม่ยอมให้ ดันแอบอ้างว่าตนเองสนิทกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และแม่ทัพภาคที่ 4 จะเสนอให้ คสช.ใช้ ม.44 ปลดนายก อบต.กรุงชิงพ้นจากตำแหน่ง
ต่อมา นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงมอบหมายให้ นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์ รอง ผวจ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.อุทัย ทาบทอง นายอำเภอนบพิตำ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและประวัติอย่างละเอียด พบว่าบุคคลดังกล่าวอ้างว่า ชื่อพระกัลยารัตน์ สุวัณโน หรือ นายวีรศักดิ์ ส่งแสง อยู่บ้านเลขที่ 95 หมู่ 1 ต.ลำสินธุ์ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง เคยบวชที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.พัทลุง จากนั้นในปี 2551 ได้ออกธุดงค์ไปจนถึงเจดีย์ควนหินแท่น อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ก่อนปักกลดและมีพฤติกรรมใบ้หวยหลอกลวงชาวบ้านจำนวนมาก
...
จนกระทั่งหลอกเด็กผู้ชาย อายุ 8-10 ขวบ จำนวน 3-4 คน ให้ฝึกนั่งสมาธิ หลับตา ห้ามลืมตาเด็ดขาด ก่อนที่ตัวเองจะสำเร็จความใคร่ เอาน้ำอสุจิใส่ใบหน้าและปากเด็กๆ และข่มขู่ห้ามเด็กๆ นำเรื่องไปบอกใคร แต่มีเด็กคนหนึ่งที่ถูกทำอนาจารในลักษณะดังกล่าวได้นำเรื่องไปเล่าให้พ่อแม่ผู้ปกครองฟัง จนในที่สุดชาวบ้านกว่า 50 คน รวมตัวกันขับไล่และจับตัวไปให้พระครูสังวรณ์ ธรรมวารี เจ้าอาวาสวัดทุ่งนารี และเจ้าคณะอำเภอป่าบอน จ.พัทลุง ทำการสึกจากพระก่อนควบคุมตัวส่ง พ.ต.ท.เมธาพงศ์ นาคปลัด พนักงานสอบสวน สภ.ป่าบอน เพื่อสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย
ภายหลังพ้นโทษ "นายวีรศักดิ์ ส่งแสง" หรือ อดีตพระกัลยารัตน์ ได้แอบนำจีวรมาห่มหลอกลวงชาวบ้านว่าเป็นพระสงฆ์เหมือนเดิม และยังก่อเหตุลักทรัพย์พระพุทธรูปประจำวัดแห่งหนึ่งในเขต อ.เมือง จ.พัทลุง จนตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง เสนอขออนุมัติต่อศาลจังหวัดพัทลุงออกหมายจับที่ จ.369/2559 ลงวันที่ 20 ธ.ค.2559 หลังรู้ว่าถูกออกหมายจับ นายวีรศักดิ์จึงหลบหนีหมายจับและแต่งกายเลียนแบบสงฆ์มาพำนักในที่พักสงฆ์สระนางหงส์ หมู่ 6 ต.พระพรหม อ.เมืองนครศรีธรรมราช และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายอย่าง รวมทั้งชอบแอบอ้างว่าสนิทสนมกับข้าราชการทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองชั้นผู้ใหญ่
จนเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2560 พ.ต.ท.เตโชทัย ขุนนัดเชียร สารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 (หัวหน้าตำรวจสันติบาลนครศรีธรรมราช) นำกำลังพร้อมหมายจับบุกจับกุมตัวนายวีรศักดิ์ได้คาที่พักสงฆ์สระนางหงส์ หมู่ 6 ต.นาพรุ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช และให้เปลื้องผ้าเหลืองก่อนส่ง สภ.เมือง จ.พัทลุง รับตัวไปดำเนินคดีตามหมายจับ และคาดว่าหลังพ้นโทษออกมาในช่วงปลายปี 2560 นายวีรศักดิ์ก็ยังใช้พฤติกรรมเดิมๆ คือแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ และเดินทางไปพำนักในสำนักสงฆ์นาคราช หมู่ 10 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายอย่าง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจสอบภายในสำนักสงฆ์นาคราช พบพระกัลยารัตน์ ศิริวัณโน หรือนายวีรศักดิ์ ส่งแสง ที่ห่มผ้าเหลืองคล้ายพระสงฆ์อยู่ภายในสำนักสงฆ์ ตรวจสอบเบื้องต้นไม่มีใบสุทธิ โดยอ้างว่าลืมใบสุทธิไว้ที่วัดในจังหวัดพัทลุง จะนำใบสุทธิพระมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ในวันที่ 30 ม.ค. 2561 เจ้าหน้าที่จึงโทรศัพท์สอบถามไปยังเจ้าอาวาสวัดที่นายวีรศักดิ์แอบอ้าง ก็ได้รับการยืนยันว่านายวีรศักดิ์ไม่ได้บวชเป็นพระที่วัดดังกล่าวตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด
จนกระทั่ง นายวีรศักดิ์เห็นว่าเจ้าหน้าที่มีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่าตัวเองไม่ได้บวชเป็นพระจริง แต่แอบแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ จึงยอมรับสารภาพว่าไม่ได้เป็นพระสงฆ์แต่อย่างใด และยอมเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นฆราวาส พร้อมวิงวอนขอร้องเจ้าหน้าที่ไม่ให้ดำเนินคดี โดยตัวเองจะหยุดพฤติกรรมการแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์อย่างเด็ดขาด และขอเดินทางกลับไปประกอบอาชีพโดยสุจริตที่บ้านเกิดใน จ.พัทลุง หากพบว่าตนมีการแต่กายเลียนแบบพระสงฆ์อีก จะยินยอมให้เจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ได้สอบถามไปยังฝ่ายบริหารของเหมืองแร่ และนายก อบต.กรุงชิง ที่ถูกข่มขู่หลอกลวงเรียกเงิน ก็ไม่มีใครติดใจเอาความ จึงควบคุมตัวไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับ ร.ต.อ.สุรศักดิ์ อร่ามเรือง พนักงานสอบสวน สภ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ก่อนควบคุมตัวไปส่งกลับภูมิลำเนาใน จ.พัทลุง ต่อไป.