อ่างห้วยหลวง จ.อุดรธานี เร่งระบายน้ำรับพายุ "ซูลิก" ประกอบกับฝนตก ส่งผลให้น้ำเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ 38 หลังคาเรือน จมบาดาลรอบที่ 2 เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 ว่า หลังจากนายวรวิทย์ สุภาอ้วน ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยหลวง ได้ประกาศเพิ่มปริมาณการระบายน้ำ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา จากเดิมระบาย 5 แสน ลบ.ม./วัน เพิ่มเป็น 2 ล้าน ลบ.ม./วัน และเช้าวันนี้ 3 ล้าน ลบ.ม./วัน เพื่อรอรับมวลน้ำจากอิทธิพลพายุ "ซูลิก" หลังจากพายุ "ยางิ" พาดผ่านประเทศไทย สร้างความเสียหายอย่างหนักใน จ.เชียงราย และตามจังหวัดที่อยู่ติดแม่น้ำโขงของภาคอีสาน และจะมีฝนตกหนักในวันที่ 20-23 กันยายน นี้ ซึ่งปัจจุบันน้ำในอ่างฯ มี 108.376 ล้าน ลบ.ม. หรือ 79.94 เปอร์เซ็นต์ ของความจุสูงสุด 135.5 ล้าน ลบ.ม.
การระบายน้ำเพื่อรองรับน้ำจากพายุลูกแรก (ยางิ) ในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณท้ายอ่างห้วยหลวงที่อยู่สองฝั่ง และห้วยสาขา ได้รับผลกระทบแต่ไม่มากนัก มีบางพื้นที่น้ำล้นตลิ่งไหลท่วมบ้านเรือน และพืชผลทางการเกษตร แต่ปริมาณน้ำในลำห้วยหลวงลดลงเรื่อยๆ สาเหตุหลักที่ทำให้น้ำล้นตลิ่งลำห้วยหลวง เกิดจากน้ำโขงหนุนสูง ทำให้ระบายได้ยากกว่าปกติ ประกอบกับช่วงนั้นมีฝนตกหนักบริเวณเหนืออ่าง และท้ายอ่างห้วยหลวง
...
จึงเปิดประตูระบายน้ำสูงสุดถึง 5 ล้าน ลบ.ม./วัน ทำน้ำล้นตลิ่งลำห้วยหลวง และลำห้วยสาขาเข้าท่วมบ้าน-บ้านสวน ในพื้นที่ ต.สามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี โดยเฉพาะบ้านหนองลีหู ม.11 ต.สามพร้าว ด้านทิศเหนือ ที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำรับมวลน้ำ เนื่องจากอยู่ติดกับลำห้วยอิฐ ลำห้วยรางสาธารณะ และใกล้กับลำห้วยหลวง แต่ก็เริ่มคลี่คลายปริมาณน้ำเริ่มลด หลังพายุยางิสงบลง
แต่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศแจ้งเตือนพายุดีเปรสชัน "ซูลิก" จะพาดผ่านเข้ามาในพื้นที่ทางภาคอีสานตอนบน และคาดว่าพื้นที่ จ.อุดรธานี จะอยู่ในจุดศูนย์กลางของพายุ หลังจากพาดผ่าน จ.นครพนม และมุกดาหาร ในวันที่ 19-20 กันยายน 2567 และจะเคลื่อนเข้าสู่จังหวัดสกลนคร และ จ.อุดรธานี ตามลำดับ
ทางอ่างห้วยหลวงจึงประกาศระบายน้ำรอบที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อรองรับน้ำจากพายุ "ซูลิก" รวมทั้ง ชป.อุดรธานี ได้นำเครื่องผลักดันน้ำเร่งระบายอยู่ที่สะพานหน้าประตูระบายน้ำบ้านสามพร้าว ก่อนวันที่ 23 กันยายน 2567 หรืออีก 3 วัน น้ำโขงจะมีปริมาณสูงสุดอีกรอบ และการระบายน้ำของอ่างห้วยหลวงครั้งนี้ ก็ทำให้บ้านหนองลีหูจมบาดาล ท่วมบ้านเรือนอีกครั้ง และถูกตัดขาดจากภายนอกรวม 38 หลังคาเรือน และมีระดับน้ำสูงสุดเกือบ 2 เมตร
และในวันนี้ช่วงเที่ยงวัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี และเยาวชนจิตอาสามิตรภาพอุดรธานี นั่งเรือท้องแบนของมูลนิธิ และเรือท้องแบน ปภ.จ.อุดรธานี บริเวณที่กางเต็นท์บนถนนกลางหมู่บ้าน ที่เสมือนเป็นท่าเรือนำข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม และข้าวกล่อง ลัดเลาะไปตามถนนที่ถูกน้ำท่วมสูง เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านหนองลีหูในเบื้องต้นแล้ว หลังได้รับการประสานจากผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และอบต. หลังจากนั้นจะได้รายงานไปทางอำเภอ และจังหวัด เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อไป
...
ซึ่งผู้ประสบภัยก็ต่างดีใจ และกล่าวขอบคุณที่คนไทยไม่ทอดทิ้งกัน เดินลุยน้ำออกมาจากบ้าน เพื่อรับสิ่งของที่นำมาช่วยเหลือ แต่ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมบ้านส่วนมาก จะทิ้งบ้านออกไปพักอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องที่บ้านเรือนอยู่พื้นที่สูง ส่วนคนที่อยู่บ้านที่เป็นบ้าน 2 ชั้น หรือยกพื้นสูง จะอาศัยเรือท้องแบนพร้อมคนขับเรือจาก ปภ. จ.อุดรธานี ที่ทาง อบต.สามพร้าว ประสานนำมาช่วยเหลือให้ผู้ประสบภัยเข้าและออกจากบ้าน ผู้ประสบภัยบางคนบอกว่าน้ำท่วมอย่างนี้ทุกปีจนชินแล้ว แต่ปีนี้หนักสุดในรอบ 10 ปีเลยก็ว่าได้ เพราะปีนี้ฝนตกดีมากเลย ทำให้น้ำท่วมสูงและเป็นวงกว้าง
ขณะที่ลุ่มน้ำห้วยหลวง อยู่ในสถานการณ์เฝ้าระวัง จากพายุลูกแรกที่ผ่านไป ทำให้อ่างฯ ทั้งหมดมีสภาพเต็ม หรือเกินเกณฑ์แล้ว รวมทั้งลำน้ำห้วยหลวง และลำน้ำสาขา ก็มีน้ำเต็มในลำห้วยเช่นกัน โดยที่สะพานบ้านท่าตูม ถ.มิตรภาพ ต.กุดสระ อ.เมือง ระดับน้ำลดลงแต่ก็ใกล้ล้นตลิ่ง ชลประทาน จ.อุดรธานี ได้ติดธงเหลืองเตือนภัย เพื่อรอรับมวลน้ำจากอ่างห้วยหลวงที่ปล่อยมาในวันนี้ 3 ล้าน ลบ.ม. แม้ว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมาฝนไม่ตก
...
สาเหตุเกิดจากน้ำในลำห้วยหลวง ไม่สามารถระบายได้ตามปกติ ทั้งที่ประตูน้ำห้วยหลวง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เปิดประตูน้ำลงน้ำโขงเป็นวันที่ 3 ซึ่งวันนี้ปริมาณน้ำโขงต่ำกว่าลำห้วยหลวง 36 เซนติเมตร การไหลของลำห้วยหลวงก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะพายุซูลิกพ่นพิษเพียงวันแรก ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ จ.อุดรธานี ทั้งภาครัฐและเอกชน ก็เตรียมรับมือพายุลูกนี้กันอย่างเต็มกำลัง และพร้อมเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง
นายณัฐกฤษณ์ เศวตวรานนท์ อายุ 59 ปี ผจก.มูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี เปิดเผยว่า ได้ทราบข้อมูลจากชาวบ้านและผู้นำชุมชนว่า ที่บ้านหนองลีหู มีผู้ประสบภัยน้ำท่วมบ้าน 30 กว่าหลังคาเรือน และมีระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร
จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ลงมาช่วยเหลือชาวบ้าน พร้อมถุงยังชีพน้ำดื่ม พร้อมกับตรวจสอบร่วมกับผู้นำชุมชนว่า ในส่วนใดที่จะให้ทางมูลนิธิฯ เข้ามาช่วยเหลือ ทางเราก็ยินดีส่งทีมงานเข้ามาเพิ่มเติมจนกว่าน้ำจะลดสัญจรไปมาได้ พื้นที่หมู่บ้านแห่งนี้จะถูกน้ำท่วมแบบนี้ทุกปี เพราะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ หากมีการระบายน้ำออกมาจากเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ รวมทั้งลำห้วยสาขาต่างๆ จะไหลเข้ามาท่วมหมู่บ้านหนองลีหูด้านทิศเหนือ จึงเป็นจุดที่รับน้ำมาตลอด แต่ในปีนี้จากสถานการณ์น้ำ มีระดับสูงกว่าทุกปี หรือในรอบ 10 ปี ก็ว่าได้
...
ด้านนายธีระพงษ์ สิมสีพิมพ์ อายุ 54 ปี ผญบ.ม.11 บ้านหนองลีหู เปิดเผยว่า ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมประมาณ 35 หลังคาเรือน น้ำเริ่มท่วมตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม ในรอบแรก หลังจากมีฝนตกหนักในพื้นที่ แต่ระดับน้ำยังไม่เท่าครั้งนี้ หลังจากนั้นก็มีการปล่อยน้ำจากเขื่อนต่างๆ ทำให้น้ำล้นลำห้วยสาขาที่อยู่ใกล้กับหมู่บ้าน เพราะเป็นจุดรับน้ำจาก 3 ลำห้วย คือห้วยเชียงลวง ห้วยอิฐ และห้วยหลวง จะไหลมารวมกันตรงนี้ และจะไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน จากน้ำหนุนและไหลไม่ทัน ซึ่งจะเป็นแบบนี้ทุกปี
แต่มี 2 ปี คือปีที่แล้วและปีนี้ที่ท่วมหนัก และปีนี้ก็ท่วม 2 รอบแล้ว แต่รอบที่ผ่านมา ระดับน้ำก็ไม่สูง และไม่ท่วมนานขนาดนี้ ซึ่งตนก็จะรายงานไปยังอำเภอ เพื่อประชุมหาแนวทางเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านในพื้นที่ โดยเบื้องต้นจะมีมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี ตชด.24 และสถานีตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี เข้าให้การช่วยเหลือในรอบแรก แต่รอบที่สองมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี มาเป็นหน่วยงานแรก.