หลายจังหวัดภาคอีสาน-เหนือยังจมน้ำจากฝนตกหนัก ทำให้เกิดน้ำป่าจากเทือกเขาไหลหลากเข้าถล่มท่วมบ้านเรือน พื้นที่ทางการเกษตรนับหมื่นไร่ ถนนหลายสายน้ำท่วมสูง รวมถึงถูกน้ำกัดเซาะทำให้สัญจรลำบาก รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวดัง ลานพญาเต่างอย จ.สกลนคร ต้องหยุดให้บริการ ขณะที่พื้นที่เขตเมืองขอนแก่นน้ำท่วมสูงต้องใช้เรือสัญจรแทนรถ ด้านชลประทานแต่ละจังหวัดเร่งระบายน้ำลงแม่น้ำโขง พร้อมเฝ้าระวังลำน้ำสาขาล้นตลิ่ง ส่วนเชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก น้ำจากดอยสูงทะลักเข้าท่วมพื้นที่ลุ่ม ท่วมถนน-ดินสไลด์ทับบ้าน
ฤทธิ์ร่องมรสุมกำลังแรงที่พาดผ่านประเทศไทยตอนบนตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักจนเกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตรและถนนหนทางถูกตัดขาดหลายจุด โดยเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.นครพนม หลังจากมีฝนตกหนักมาตลอดสัปดาห์ ส่งผลให้ลำน้ำสาขาสายหลักแม่น้ำโขง ทั้งลำน้ำก่ำ ลำน้ำบัง ลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม มีปริมาณเพิ่มสูง บางลำน้ำมีปริมาณเกินความจุ ส่งผลให้ลำห้วยสาขาเอ่อล้นท่วมพื้นที่การเกษตร รวมถึงพื้นที่ลุ่ม ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง วันละ 20-30 เซนติเมตร มาแตะอยู่ที่ระดับประมาณ 9 เมตร ห่างจากจุดล้นตลิ่งแค่ 3 เมตร ส่งผลให้ลำน้ำสาขาไหลระบายช้า สำนักงานชลประทาน จ.นครพนม ยังคงต้องเร่งระบายน้ำจากลำน้ำสาขาทุกสายลงแม่น้ำโขง รวมถึงลำน้ำก่ำที่รับมวลน้ำมาจากพื้นที่ จ.สกลนคร ไหลผ่าน อ.วังยาง อ.นาแก ก่อนระบายลงน้ำโขง ที่ประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต อ.ธาตุพนม ต้องระบายน้ำลงน้ำโขงให้มากที่สุดตลอด 24 ชั่วโมง
...
ขณะเดียวกันเกิดน้ำป่าที่ทะลักมาจากเขาภูพานน้อย ในพื้นที่ ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านกว่า 200 หลังคาเรือนใน ต.พิมาน อ.นาแก ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 16 ก.ย. ระดับน้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง เพราะปริมาณน้ำในลำน้ำก่ำยังสูง ทำให้ลำน้ำสาขาไหลระบายช้า เสี่ยงเอ่อท่วมซ้ำหากมีฝนตกหนักอีกรอบ
ส่วนที่ จ.สกลนคร ที่ฝนตกหนักมาหลายวัน ทำให้หลายพื้นที่มีปริมาณน้ำสะสมสูงขึ้น โดยเฉพาะลำน้ำพุง ที่รับน้ำจากเทือกเขาภูพาน ได้เอ่อสูงขึ้นมาท่วมลานพญาเต่างอย สถานที่ท่องเที่ยว อ.เต่างอย ทำให้ต้องหยุดให้บริการ จนท.ผู้ดูแลและฝ่ายปกครอง อ.เต่างอย ได้เข้าไปเก็บขนย้ายทรัพย์สินสำคัญออกจากพื้นที่ไปไว้ที่สูง รวมถึงร้านค้าภายในบริเวณพญาเต่างอยด้วย นอกจากนี้ตามชุมชนต่างๆ ที่ลำน้ำพุงไหลผ่าน น้ำเริ่มเอ่อทะลักท่วมเช่นกัน เช่น ต.เหล่าปอแดง ต.ดงชน ต.งิ้วด่อน ซึ่งอยู่รอบหนองหาร ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก การประปาส่วนภูมิภาค สาขาสกลนคร ออกประกาศหยุดจ่ายน้ำฉุกเฉินเนื่องด้วยอุทกภัย ทำให้ผลิตน้ำประปาไม่ได้ เพราะน้ำท่วมเครื่องสูบน้ำ งดจ่ายน้ำจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ และประกาศให้ผู้ที่อาศัยอยู่ริมลำน้ำพุงตลอดสาย ตั้งแต่ อ.เต่างอย อ.โคกศรีสุพรรณ และ อ.เมืองสกลนคร ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
ที่ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ฝนที่ตกหนักในหลายพื้นที่เกือบตลอดวันที่ 15 ก.ย. ทำให้เกิดน้ำท่วมถนนหลายสาย โดยเฉพาะถนนบ้านกอก ต.บ้านเป็ด อ.เมืองขอนแก่น น้ำท่วมตั้งแต่หน้ามหาวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปจนถึงสามแยกโรงเรียนบ้านกอก เป็นระยะทางกว่า 1 กม.ระดับน้ำสูง 50 ซม. รถเล็กผ่านไม่ได้ เช่นเดียวกับถนนมะลิวัลย์ ขาเข้าตัวเมืองขอนแก่น ตำรวจต้องปิดการจราจรฝั่งขาเข้าและน้ำจากถนนมะลิวัลย์ยังไหลเข้าท่วมโรงเรียนคนตาบอด ในพื้นที่บ้านคำไฮ ต.บ้านเป็ด ระดับน้ำประมาณ 1 เมตร ครูและเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนที่มาทำงาน ต้องใช้เรือท้องแบนสัญจรแทนรถเพื่อเข้าสู่อาคารเรียน ส่วนหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่ติดกับโรงเรียนที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียว ต่างเจอน้ำท่วมกว่า 50 หลังคาเรือน ทั้งนี้ในช่วงสายวันที่ 16 ก.ย. เทศบาลนครขอนแก่นได้เร่งแจกกระสอบทรายจำนวน 7 พันกระสอบ ให้ชาวบ้านนำไปวางแนวกั้นน้ำเข้าบ้าน เนื่องจากขณะนี้ยังมีน้ำไหลท่วมเขตเมืองบางจุดสูงกว่า 80 ซม. อาทิ ชุมชนมิตรภาพติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลขอนแก่น น้ำไหลเข้าท่วมตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ชาวบ้านต้องนำรถออกมาจอดบริเวณหน้าปากซอยและขนของขึ้นชั้น 2 ของตัวบ้าน
นอกจากนี้ เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 16 ก.ย. นายวิทยา พันหล้า หัวหน้าหน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวง อุดรธานี จุดบริการ อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี แจ้งประชาสัมพันธ์ผู้ใช้เส้นทางบริเวณถนนมิตรภาพ 2 อุดร-ขอนแก่น กม.413-414 ขาเข้า จ.อุดรธานี ช่วงหน้าโรงงานน้ำตาลเกษตรผล กุมภวาปี เขต ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี มีน้ำท่วมขังถนน ขอให้ผู้ใช้เส้นทางใช้ความระมัดระวัง รถเล็กยังพอไปได้ และได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตั้งป้ายเตือนก่อนถึงบริเวณดังกล่าวแล้ว
เช่นเดียวกับที่ จ.ชัยภูมิ ฝนที่ตกหนักใน 3 ตำบล ของ อ.เทพสถิต ได้แก่ ต.นายางกลัก ต.โป่งนก และ ต.บ้านไร่ ทำให้เกิดน้ำป่าจากเขาพังเหยและลำห้วยกระจวนไหลทะลักท่วมพืชผลทางการเกษตรตามแนวลำห้วยกระจวน ในขั้นต้นได้รับความเสียหายไปแล้วกว่า 100 ไร่ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากน้ำป่า
...
ขณะที่ อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด หลังฝนตกต่อเนื่องกว่า 12 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้มีมวลน้ำไหลลงจากภูเขาเขียวในพื้นที่ ต.ภูเขาทอง ต.ผาน้ำย้อย ต.โคกสว่าง เข้าท่วมพื้นที่ลุ่มอีก 6 ตำบล รวม 9 ตำบล 120 หมู่บ้านพื้นที่การเกษตรที่ปลูกข้าว ยางพารา และต้นปาล์มน้ำมันได้รับความเสียหายนับ 10,000 ไร่ ส่วน ต.ท่าสีดา น้ำเอ่อท่วมในพื้นที่ กระแสน้ำกัดเซาะถนนพังเสียหายหลายเส้นทาง การสัญจรไป-มา ถูกตัดขาด ขณะเดียวกัน น้ำได้ไหลเข้าท่วมเต็มพื้นที่ บ้านมอกกแดง ม.17 ต.รอบเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด บ้านเรือนและไร่นาได้รับความเสียหาย เนื่องจากเป็นทางน้ำไหลผ่านจากภูเขาเขียว ทั้งนี้ โครงการชลประทานร้อยเอ็ด ได้ออกประกาศแจ้งเตือนภัยสถานการณ์ลำน้ำยังล้นตลิ่ง จากกรณีฝนตกหนัก ต่อเนื่องเมื่อวันที่ 14-15 ก.ย.ที่ผ่านมา บริเวณต้นน้ำลำน้ำยัง จ.กาฬสินธุ์ ทำให้ระดับน้ำในลำน้ำยัง ที่สถานีวัดน้ำ E 70 บ้านกุดกว้าง ต.วงสามัคคี อ.โพนทอง และ สถานีวัดน้ำ E 92 บ้านท่างาม ต.วังหลวง อ.เสลภูมิ สูงกว่าตลิ่ง 1.47 เมตร ปัจจุบันแนวโน้มระดับน้ำทั้ง 2 สถานี เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
...
เช่นเดียวกับที่ อ.เมืองอำนาจเจริญ ฝนที่ตกหนักมาตลอดคืน ส่งผลให้น้ำเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำใน ต.บุ่ง รวมถึงน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมที่นาของเกษตรกรในหลายตำบล เช่น ต.นาผือ ต.นาหมอม้า ต.กุดปลาดุก และ ต.น้ำปลีก นาข้าวได้รับความเสียหายกว่า 100 ไร่ ถนนหลายสายถูกน้ำท่วม ชาวบ้านต้องสัญจรไป-มา ด้วยความยากลำบาก
ส่วนที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ชลประทานที่ 7 นำเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว มีอัตราการสูบ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง สูบน้ำออกจากลำน้ำสาขาแม่น้ำมูล ใน อ.วารินชำราบ ลงสู่แม่น้ำมูล เพื่อไม่ให้น้ำไหลท่วมพื้นที่ชั้นใน เพราะปัจจุบันระดับน้ำแม่น้ำมูลสูงกว่าลำน้ำสาขา ทั้งนี้ นายเศรษฐพงศ์ ภิงคารวัฒน์ ผอ.ส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 7 กล่าวว่า ปัจจุบันการระบายน้ำจากลำน้ำสาขาของแม่น้ำมูลใน อ.วารินชำราบ ทำตามธรรมชาติไม่ได้ จึงต้องใช้เครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำออกไปแทน สำหรับการเตรียมการรับมือ มีการจัดการจราจรน้ำ ตั้งแต่แม่น้ำยังที่ไหลมาลงแม่น้ำชี จากเขื่อนวังยางใน จ.มหาสารคาม ร้อยเอ็ด หน่วงน้ำเอาไว้ แล้วปล่อยให้น้ำสายแม่น้ำมูลจากเขื่อนหัวนา จ.ศรีสะเกษไหลลงมาที่ จ.อุบลราชธานี
...
ส่วนในภาคเหนือ น้ำได้เข้าท่วมในหลายจังหวัด โดยเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 16 ก.ย. นายครรชิต ชมภูแดง หน.ปภ.เชียงราย รายงานว่าฝนที่ ตกหนักมาตลอดทั้งคืน ทำให้เกิดน้ำป่าจากดอยสูงไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน พืชไร่ของประชาชน อ.แม่สรวย 3 ตำบล 5 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับผลกระทบ 11 ครัวเรือน และน้ำจากลำห้วยสาธารณะล้นตลิ่งเข้าท่วมผิวจราจรถนนทางหลวง 118 เชียงราย-เชียงใหม่ บริเวณทางโค้งบ้านแม่พริก ต.แม่พริก ฝั่งขาล่อง เหลือเพียง 1 ช่องทาง และบริเวณจุดทางโค้งบ้านสันจำปา ต.แม่พริก ฝั่งขาล่องเหลือการจราจรเพียง 1 ช่องทาง และที่บริเวณหน้าวัดโป่งปูเฟือง ต.แม่สรวย น้ำป่าจากดอยสูงไหลหลากล้นผิวจราจรเส้นทางเชียงราย-เชียงใหม่ เหลือเพียง 1 ช่องทาง นอกจากนั้นน้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน พืชไร่ ของราษฎรหมู่บ้านโป่งปูเฟือง ต.แม่พริก หมู่ 1 และหมู่ 10 ดินสไลด์ทับบ้านของนายจันติ๊บ ยะแก้ว ต.แม่สรวย กำแพงบ้านได้รับความเสียหาย และปริมาณน้ำล้นลำห้วยสาธารณะเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน บ.ห้วยม่วง ต.แม่สรวย หลายหลัง
เช่นเดียวกับที่ จ.พิษณุโลก มีน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ไหลหลากท่วมถนนและบ้านเรือนประชาชนรวมทั้งพื้นที่การเกษตรใน อ.เนินมะปราง หลายหมู่บ้านใน ต.บ้านมุง รวมถึงจุดชมค้างคาวและยังมีน้ำเอ่อล้นจากน้ำตกขุนห้วยเทิน ทำให้ท่วมถนน และที่ ต.ไทรย้อย ระดับน้ำสูงประมาณหัวเข่า นอกจากนี้ มีน้ำท่วมถนนสายหลัก หน้าที่ว่าการอำเภอเนินมะปราง แต่ระดับน้ำไม่สูงมาก ยังสามารถสัญจรไปมาได้ตามปกติ
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดหมายสภาพอากาศในช่วงวันที่ 18-22 ก.ย.2566 ว่าร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เฉียงเหนือ จะมีกำลังอ่อนลง และจะเลื่อนลงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก เฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ขณะที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียง เหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ส่วนใน กทม.และปริมณฑล ช่วงวันที่ 19-21 ก.ย.มีฝนตกหนักบางแห่ง