เกษตรกาฬสินธุ์ รวบรวมข้อมูลการเลี้ยง “กุ้งก้ามกราม” สัตว์น้ำเศรษฐกิจของกาฬสินธุ์ ของเกษตรกรตลอด 50 ปี เพื่อยกระดับเสนอเป็นสินค้า GI สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ด้วยความโดดเด่น เปลือกบาง ก้ามอ้วนสั้น เนื้อเยอะและแน่น มีรสชาติหวาน มีเนื้อที่คอและหัวกุ้ง

ณ ที่ทำการวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ โดย ดร.นิรุจน์ อุทธา หัวหน้าสำนักงานฯ นายสมศักดิ์ ผาลาโห หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ นายแก่นจันทร์ ภูสีเขียว สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ ประจำ อ.ยางตลาด พร้อมด้วยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์ โดย นายฉัตรชัย คงสมของ นักวิชาการพาณิชย์ ชำนาญการ นายวรากร พิมพ์มะสอน นักวิชาการพาณิชย์ ปฏิบัติการ น.ส.นุชจารี วรรณทอง นักวิชาการพาณิชย์ ปฏิบัติการ ประชุมร่วมกับคณะกรรมการวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ต.บัวบาน โดย นายวิโรจน์ โยธาสิงห์ ประธานกลุ่มฯ นายวีรชาติ ภูโปร่ง เลขานุการกลุ่มฯ นายทองเปอร์ ภูนาชัย ที่ปรึกษากลุ่ม พร้อมคณะกรรมการกลุ่มฯ เพื่อเสวนาสืบค้นประวัติการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม รวบรวมเป็นข้อมูลวิชาการ อัตลักษณ์กุ้งก้ามกรามกาฬสินธุ์ เตรียมเสนอขอขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จังหวัดกาฬสินธุ์

...

ดร.นิรุจน์ อุทธา หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า เกษตรกร ต.บัวบาน อ.ยางตลาด เป็นกลุ่มแรกที่ริเริ่มเปลี่ยนพื้นที่ทำนาเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง ราวปี 2515 ได้รับการสนับสนุนและออกแบบการขุดบ่อเลี้ยงกุ้งก้ามกรามครั้งแรก จากหน่วยงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.) สมัยก่อน และเริ่มเป็นรูปเป็นร่างเลี้ยงเพิ่มมากขึ้นในปี 2532 เมื่อเห็นว่ามีรายได้มากกว่าการทำนาปี นาปรัง และรายได้ดีกว่าการปลูกมะเขือเทศทำเมล็ดส่งบริษัทฯ ที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการใช้สารเคมี ทำให้ นายทองเปอร์ ภูนาชัย บ้านตูม ม.4 ต.บัวบาน เป็นเกษตรกรคนแรกที่มีแรงบันดาลใจเปลี่ยนจากการทำนามาเลี้ยงกุ้ง ด้วยเหตุทำนาขายข้าวหักค่าใช้จ่ายแล้ว มีกำไรเพียง 25 บาท เห็นว่าการทำนาขาดทุน จึงตัดสินใจเปลี่ยนที่นา 2 ไร่ เป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง โดยนำพันธุ์กุ้งก้ามกรามมาจาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี พร้อมวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้องมาทดลองเลี้ยงครั้งแรก จำนวน 1 แสนตัว ตัวละ 2 สตางค์ เงิน 2 พันบาท พื้นที่ 1 บ่อ 2 ไร่ ใช้เวลาเลี้ยง 4-5 เดือน ขายได้กำไรสูงถึง 40,000 บาท มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก สามารถส่งลูกไปเรียนหนังสือในเมืองได้ ทำให้เกษตรกรในหมู่บ้านเห็นเป็นตัวอย่าง และอยากทำตาม จนทำให้มีแนวคิดส่งเสริมการเลี้ยงกุ้งแบบครบวงจร ตั้งแต่ขายพันธุ์ อาหารกุ้ง และให้คำแนะนำการเลี้ยงอย่างเป็นระบบ

ต่อมาในปี 2538-2540 เกษตรกรตำบลบัวบานได้ขยายพื้นที่เพิ่ม และเพิ่มจำนวนผู้เลี้ยงกุ้งมากขึ้น และเริ่มรวมกลุ่มกันโดยมี นายไล ภูโปร่ง เป็นประธานกลุ่มฯ คนแรก ได้จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ต.บัวบาน เมื่อปี 2549 มีสมาชิกเริ่มต้น 60 ราย ปัจจุบันเพิ่มเป็น 67 ราย จำนวน 200 บ่อ พื้นที่ 370 ไร่ ในห้วงเวลาเดียวกันนี้ มีเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงในเขตชลประทาน เปลี่ยนพื้นที่ทำนาเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง ได้แก่ ต.เขาพะนอน ต.นาเชือก อ.ยางตลาด ต.ลำคลอง ต.ลำพาน อ.เมือง และ ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก

...

สำหรับอัตลักษณ์ที่ทำให้ “กุ้งก้ามกรามกาฬสินธุ์” แตกต่างจากที่อื่น ทั้งด้านการการผลิต คือ 1. บ่อเลี้ยงกุ้งเป็นดินร่วนปนทราย แตกต่างจากภาคกลางที่เป็นดินเลน 2. แหล่งน้ำเพียงพอจากเขื่อนลำปาว 3. มีความสะอาดของต้นน้ำ 4. เป็นแหล่งผลิตกุ้งก้ามกรามใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน 5. ผลิตด้วยระบบเกษตรปลอดภัย (GAP) 6. ใช้จุลินทรีย์ชีวภาพเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ใช้สารเคมีในทุกขั้นตอนการผลิต จึงทำให้กุ้งก้ามกรามกาฬสินธุ์เป็นที่นิยมของผู้บริโภค

“กุ้งก้ามกรามกาฬสินธุ์” มีอัตลักษณ์โดดเด่นแตกต่างจากที่อื่นดังนี้ คือ 1. เปลือกบาง 2. ก้ามอ้วนสั้น 3. เนื้อเยอะ 4. เนื้อแน่น 5. เนื้อมีรสชาติหวาน 6. มีเนื้อที่คอและหัวกุ้ง 7. แข็งแรง ทนต่อการจับขังและเคลื่อนย้าย ไม่ตายง่าย ปัจจุบันขนาดที่ผลิตคือ 25-30 ตัว/กก. ราคาหน้าบ่อ 250 บาท เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก ทั้งนี้ ข้อมูลประวัติการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามจังหวัดกาฬสินธุ์ตลอด 50 ปีดังกล่าวนี้ จะนำไปเรียบเรียงเป็นเอกสารประกอบการขอขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จังหวัดกาฬสินธุ์ ปี 2566 ต่อไป

...

ดร.นิรุจน์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้กำหนดพื้นที่เลี้ยงกุ้งก้ามกราม GI ครอบคลุม 3 อำเภอ 6 ตำบล ได้แก่ อ.ยางตลาด (ต.บัวบาน, นาเชือก, เขาพะนอน) อ.เมือง (ต.ลำคลอง, ต.ลำพาน) และ อ.ห้วยเม็ก (ต.หัวหิน) ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียด GI กุ้งก้ามกรามกาฬสินธุ์ เพิ่มเติมที่ สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัด โทรศัพท์ 043816759 ในวันเวลาราชการ.