รองผู้ว่าฯ ขอนแก่น สั่งจัดเวรยามเฝ้าสหกรณ์ฯ เปือยน้อย หวั่นถูกเผาทำลายหลักฐาน ตรวจสอบพบหลักฐานการออกใบเสร็จปลอมตัดหนี้ให้ชาวบ้านไม่มีเงินเข้าระบบ ด้านสหกรณ์จังหวัดแจ้งความดำเนินคดีกรรมการ 13 คน ขัดคำสั่งนายทะเบียน ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบมีเงินหายจากบัญชี 132 บัญชี เป็นเงินกว่า 21 ล้านบาท ตรวจสอบบัญชีเงินกู้ที่เป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว จำนวน 499 ราย ยืนยัน 35 ราย เป็นเงินกว่า 11 ล้านบาท 

ความคืบหน้ากรณีตรวจสอบพบการทุจริตภายในสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย ทำให้สมาชิกของสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อยไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ เนื่องจากเงินของสมาชิกที่นำมาฝากถูกเจ้าหน้าที่ภายในสหกรณ์ทำการยักยอกไปหลายสิบล้านบาท และต่อมาอดีตเจ้าหน้าที่การเงินได้ยอมรับสารภาพว่าเอาเงินไปกว่า 10 ล้านบาท เพื่อนำไปเล่นการพนัน ก่อนจะถูกแจ้งข้อหา ลักทรัพย์นายจ้าง ฝากขังที่ศาลจังหวัดพล เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา 

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 มิ.ย. 2566 ที่ห้องประชุมพระธาตุกู่ทอง ที่ว่าการอำเภอเปือยน้อย จ.ขอนแก่น นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ลงพื้นที่ติดตามและเร่งรัดการตรวจสอบเอาผิดผู้กระทำความผิด กรณีพบการทุจริตภายในสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อยโดยมี นายปิยะพงษ์ คลังทอง นายอำเภอเปือยน้อย พ.ต.อ.เดชาธร ดีมี ผกก.สภ.เปือยน้อย เจ้าหน้าที่สหกรณ์จังหวัดขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลเปือยน้อย พร้อมทั้งเชิญตัวแทนสมาชิกสหกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเดือดร้อน 3 คนจาก 3 กรณีที่พบการทุจริต ทั้งเงินฝาก เงินหุ้น และเงินสงเคราะห์ฌาปนกิจ เข้าร่วมประชุมด้วย รวมทั้งให้สื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ในที่ชุม

โดย พ.ต.อ.เดชาธร ดีมี ผกก.สภ.เปือยน้อย กล่าวอีกว่า การดำเนินการของตำรวจนั้น ในส่วนคดีที่สหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย โดยนายไสล กองเกิด ประธานสหกรณ์ฯ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่การเงินที่ทำการปลอมใบถอนเงินออกจากบัญชีของสมาชิกที่ฝากไว้กับสหกรณ์ฯ ในเบื้องต้น 16 ราย ใบถอนเงิน 33 ใบ รวมเป็นเงินกว่า 12 ล้านบาท ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนั้น ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามอบตัวกับตำรวจ ตำรวจจึงสอบสวนและแจ้งข้อหา ลักทรัพย์นายจ้าง และส่งผู้ต้องหาฝากขังที่เรือนจำจังหวัดพล และคัดค้านการประกันตัว ในขณะเดียวกันก็ให้ทางสหกรณ์ฯ หาหลักฐานเพิ่มเติม กรณีที่สมาชิกถูกถอนเงินจากบัญชี  ซึ่งทางสหกรณ์แจ้งว่า พบหลักฐานเพิ่มอีกหลายสิบราย จะทยอยแจ้งความและมอบหลักฐานให้ตำรวจ ดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายเดิม ตามขั้นตอนของกฎหมาย

...

นอกจากนี้ยังได้ให้ประชาชนผู้ที่ถือหุ้นของสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย แต่ไม่สามารถถอนเงินหุ้นได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจไว้ด้วย และในกรณีที่ประชาชนซึ่งในรายที่เป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว ไม่ได้เซ็นสัญญาเงินกู้ ซึ่งขณะนี้เข้าแจ้งความกับตำรวจแล้ว 18 ราย ซึ่งทั้งหมด ปฏิเสธหนี้จากสหกรณ์ และบางรายยังได้ใบเสร็จรับเงินจากทางสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย ว่าชำระหนี้แล้ว ทั้งที่ยังไม่เห็นสัญญาเงินกู้ แต่ทราบว่าตัวเองเป็นหนี้ในช่วงเรื่องแดงขึ้นมาแล้ว ฝ่ายตรวจสอบจากสหกรณ์ของแก่นทำการตรวจสอบบัญชีจึงรู้ว่าเป็นหนี้ เมื่อรู้ว่าเป็นหนี้ จึงมีการสอบถามกับทางสหกรณ์ฯ และทางสหกรณ์ฯ ก็ตัดหนี้ใหกับชาวบ้านด้วยการออกใบเสร็จรับเงินให้ชาวบ้าน เป็นการยืนยันว่า ไม่มีหนี้แล้ว  

"ในเรื่องการเป็นหนี้โดยไม่รู้ตัวและไม่ได้ลงลายมือชื่อในสัญญาเงินกู้ ชาวบ้านจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ ยืนยันให้ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเอาผิดกับผู้จัดการและฝ่ายสินเชื่ออีก 2 คนที่ลงชื่อในสัญญา ส่วนรายอื่นๆ แจ้งความร้องทุกข์ให้เอาผิดกับสหกรณ์ฯ"

ในส่วนของเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ชาวบ้านเป็นสมชิกกว่า 3,000 ราย บางคนเดือดร้อนเพราะญาติที่เป็นสมาชิกตายแล้ว สมาคมฌาปนกิจฯ ไม่จ่ายเงิน บางคนจ่ายแต่จ่ายไม่ครบ ในเรื่องดังกล่าวนี้ ตำรวจได้แยกเป็น 2 ประเด็นคือ กรณีตายแล้วได้เงินแต่ไม่ครบ และไม่ได้เงิน ให้เข้าแจ้งความกับตำรวจ ส่วนคนที่เป็นสมาชิกและจ่ายเงินให้สมาคมมาตลอดแต่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ให้ลงชื่อที่เทศบาลเปือยน้อย ซึ่งเป็นนายทะเบียน

นอกจากนี้ยังมีกรณีที่เจ้าหน้าที่นิติกร จากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภ.เปือยน้อย ให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการของสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อยทั้ง 13 คน ในข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียน  กรณีที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นภายในสหกรณ์ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 2 มิถุนายน แต่ไม่มีการแก้ไขตามวันเวลาที่กำหนด และไม่มีการอุทธรณ์คำสั่งแต่อย่างใด ซึ่งหลังรับแจ้งความก็อยู่ระหว่างการประสานงานกับคณะกรรมการทั้ง 13 คนมาสอบปากคำ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ในขณะที่คณะทำงานจากสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น ในฐานะผู้ตรวจการสหกรณ์ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หลังจากสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น ออกคำสั่งให้คณะกรรมการ สหกรณ์ฯ 13 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว กล่าวว่า การตรวจสอบในเบื้องต้นขณะนี้ พบว่ามีการออกใบเสร็จปลอม จำนวน 42 ใบ ให้คนที่มีชื่อเป็นหนี้ 38 ราย เป็นเงิน 6 ล้านกว่าบาท ซึ่งการออกใบเสร็จดังกล่าวเป็นการออกใบเสร็จที่ไม่ได้รับเงินจริง ทั้งยังพบความเคลื่อนไหวของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการออกใบเสร็จรับเงินนั้นลงพื้นที่เคลียร์กับชาวบ้าน ไม่ให้แจ้งความ ไม่ให้พบกับเจ้าหน้าที่  ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน เพื่อนำเข้าแจ้งความเอาผิดกับบุคคลที่ออกใบเสร็จรับเงินทุกคน

...

เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า ได้ทำการตรวจบัญชีเกี่ยวกับหนี้ หุ้น และเงินฝาก โดยตรวจสอบบัญชียอดหนี้เงินฝาก จำนวน  659 บัญชี มีเงินหายจากบัญชี 132 บัญชีเป็นเงิน กว่า 21 ล้านบาท ตรวจสอบบัญชีเงินกู้ที่เป็นหนี้โดยไม่รู้ตัว จำนวน 499 ราย ยืนยัน 35 ราย เป็นเงินกว่า 11 ล้านบาท ส่วนเรื่องหุ้น 1,018 ราย ปฏิเสธการจ่ายและการถอน 800 ราย

ปลัดเทศบาลตำบลเปือยน้อย กล่าวถึงการดำเนินการในเรื่องของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ที่ชาวบ้านในรับความเดือดร้อน ว่า ในปี 2565 และปี 2566 มีสมาชิกตายแล้วไม่ได้เงิน 5 ราย อีก 53 ราย ได้บางส่วน โดยขณะนี้เทศบาลตำบลเปือยน้อยได้เข้าไปทำการตรวจสอบเอกสาร และสมุดบัญชีของสมาคมฯ พบว่าสมุดบัญชีนั้นเป็นสมุดเงินฝาก 3 บัญชี และเป็นบัญชีส่วนบุคคล ซึ่งสมาคมฯ ไม่สามารถเปิดบัญชีส่วนตัวได้ มีเงินฝาก 7 แสนกว่าบาท เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎระเบียบข้อบังคับ  เทศบาลตำบลเปือยน้อยในฐานะนายทะเบียน จึงมีคำสั่งให้สมาคมฯ ทำการแก้ไขข้อบกพร้องตามข้อบังคับของสมาคมฯ ให้ถูกต้อง และขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขข้อบกพร่อง ซึ่งหากครบกำหนดระยะเวลาที่นายทะเบียนให้ดำเนินการแก้ไข แต่คณะกรรมการ ไม่มีการแก้ไข ก็จะมีการเรียกประชุม ขอมติในที่ประชุม เพื่อดำเนินการแก้ไข อาจมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการสมาคมฯ เป็นชุดใหม่ เข้ามาดำเนินการแทน  และหากพบความผิดก็จะแจ้งความดำเนินคดีกันตามกฎหมายเช่นกัน

ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ลงพื้นที่มาติดตามความคืบหน้ากรณีพบการทุจริตในสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย จนมีสมาชิกฯ ได้รับความเดือดร้อนหลายร้อยคนไม่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้ โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมติดตามความคืบหน้าหลังชาวบ้านเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมและแจ้งความที่ สภ.เปือยน้อย พร้อมทั้งเชิญตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนร่วมรับฟังถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าว

...

ซึ่งได้มีการตรวจสอบใน 3 กลุ่มใหญ่ ทั้งเรื่องของกองทุนเงินสหกรณ์ที่หายไปหรือไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เงินของกองทุน และ 3 เรื่องของทางด้านคดี ซึ่ง 3 ส่วนใหญ่ที่เราติดตามนี้ความคืบหน้าถือว่าเป็นไปตามเป้าที่เราตั้งเอาไว้ ทั้งเรื่องการสอบปากคำในการดำเนินคดี ยอดเงินทั้งหมดที่สมาชิกฝากและหายไป ซึ่งในทุกๆ ด้านนั้นได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีไทม์ไลน์ให้ชัดเจนว่าจะจบวันไหน เมื่อจบแล้วเราจะดำเนินการอะไรบ้างเพื่อเอาผิดกับผู้ที่กระทำความผิดทั้งหมด ซึ่งในส่วนนี้เราได้มีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ 13 กรรมการบริหารสหกรณ์ และทางเจ้าหน้าที่จากสหกรณ์จังหวัดในฐานะนายทะเบียนใหญ่ได้เข้าแจ้งความเอาผิดทั้ง 13 คนที่เป็นกรรมการบริหารสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย ฐานขัดคำสั่งนายทะเบียน เนื่องจากเราได้มีคำสั่งไปก่อนหน้านี้เพื่อทำการตรวจสอบแต่ไม่ปฏิบัติตาม จึงได้เข้าแจ้งความเอาผิดคณะกรรมการที่มีความบกพร่องอยู่ และได้เร่งรัดให้มีความรอบคอบมากขึ้น ขยายผลไปถึงใครบ้าง ซึ่งขณะนี้พอจะทราบแล้วว่าใครเกี่ยวข้องในส่วนใดบ้างหรือเกี่ยวข้องในทุกส่วน ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผลเอาผิดทั้งหมด 

ในเรื่องของหลักฐานเอกสารต่างๆ ภายในสหกรณ์นั้น เวลาที่เกิดเหตุในลักษณะนี้เราจะต้องสันนิษฐานเอาไว้ก่อนว่าอาจจะถูกเพลิงไหม้ได้ เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันไม่ให้เกิดการทำลายหลักฐานด้วยกระบวนการต่างๆ ซึ่งในข้อกำชับนั้นได้เน้นย้ำให้ตรวจสอบลงบัญชีให้ชัดเจน ต่อมาในเรื่องการป้องกันไม่ให้หลักฐานถูกทำลาย ซึ่งได้สั่งการไปแล้วให้มีการจัดระบบรักษาความปลอดภัยจัดเวรยามเฝ้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจสอบได้รวบรวมเอกสารทั้งหมดให้ครบถ้วน 

"จากการรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบนั้น พบความบกพร่องตั้งแต่กระบวนการนำเงินเข้า การรักษาเงิน การนำเงินออก ซึ่งทั้ง 3 ส่วนมีระเบียบเขียนเอาไว้ชัดเจน โดยอยู่ระหว่างทางเทศบาลตำบลเปือยน้อยซึ่งเป็นนายทะเบียนท้องถิ่นกำกับดูแล ได้เข้าไปตรวจสอบซึ่งก็พบข้อบกพร่องดังกล่าวจากสมาชิกกว่า 3,000 ราย แม้จะมีเจ้าหน้าที่การเงินออกมายอมรับสารภาพว่านำเงินไปถูกดำเนินคดีไปแล้ว แต่การตรวจสอบพบว่ายังมีผู้กระทำผิดคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้งหมด"

...