ญาติไม่เชื่อผูกคอตาย สาวใหญ่ลูกสอง อายุ 42 ปี ตายปริศนาในบ้าน หนุ่มใหญ่เพื่อนบ้าน อ้างบังเอิญไปเจอกลางดึก พบผูกคอตายในห้องน้ำ พยายามทุบกระจกเข้าไปช่วยปั๊มหัวใจไม่ทัน ก่อนโร่แจ้งตำรวจตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้า กรณีนางน้ำผึ้ง ตะลาใส อายุ 42 ปี เสียชีวิตปริศนา ภายในบ้านพัก บ้านเลขที่ 191 หมู่ 7 บ้านนาหัวบ่อ ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม สภาพเป็นบ้านปูนสองชั้น ปลูกสร้างขึ้นใหม่ ห่างจากชุมชนประมาณ 500 เมตร อยู่กลางทุ่งนาไม่มีเพื่อนบ้าน เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.00 น. คืนวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 ภายหลังได้มีเพื่อนบ้านเห็นเหตุการณ์คนแรก คือ นายคึกฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ชาวบ้านนาหัวบ่อ ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม เดินทางมาแจ้งตำรวจที่ สภ.เมืองนครพนม โดยมี ร.ต.ท.(หญิง) ปาริฉัตต์ ทาบทอง รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เป็นผู้รับแจ้งเหตุ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง แพทย์เวรโรงพยาบาลนครพนม รวมถึง เจ้าหน้าที่กู้ภัย กู้ภัยจากสมาคมวี.อาร์.กู้ภัยลำโขงเฟรนด์ชิพ และ กู้ภัยศรีสัตตนครพนม ร่วมตรวจสอบชันสูตร
โดยในที่เกิดเหตุ พบศพผู้ตาย สภาพนอนในโซฟาชั้นล่างของบ้าน สวมกางเกงขาสั้นลายดอกสีเขียว และเสื้อยืดสีเทา ตรวจสอบไม่พบร่องรอยบาดแผลการถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบเก็บหลักฐานเพิ่มเติม พบมีกระจกประตูหน้าต่างชั้นล่างแตกกระจายทั่วพื้น แต่ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ นอกจากนี้ตรวจสอบบริเวณนอกบ้าน หน้าบ้านมีรถเก๋งยี่ห้อนิสสัน สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 8 กฆ 8381 กรุงเทพมหานคร ส่วนด้านข้างบ้านมีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า สปาร์ค ทะเบียน 1 กฒ 4836 นครพนม ซึ่งเป็นรถของผู้ตายจอดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบเก็บหลักฐานประกอบการดำเนินคดี พร้อมนำศพผู้เสียชีวิตไปชันสูตรโดยละเอียดถึงสาเหตุของการเสียชีวิต และเก็บรักษาไว้ที่ห้องดับจิตโรงพยาบาลนครพนม เนื่องจากญาติผู้ตายยังติดใจการเสียชีวิตและเชื่อว่ามีเงื่อนงำ
...
ทั้งนี้ ล่าสุดทางด้าน ร.ต.ท.(หญิง) ปาริฉัตต์ ทาบทอง ได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานนครพนม เข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานเพิ่มเติมโดยละเอียด ในบ้านที่เกิดเหตุ พร้อมเก็บลายนิ้วมือแฝงภายในห้องน้ำและสถานที่ต่างๆ ตามที่ เพื่อนบ้านผู้พบศพคนแรกกล่าวอ้าง เพื่อประกอบการดำเนินคดี หาที่มาคลี่คลายปมการเสียชีวิตปริศนา เนื่องจากญาติผู้ตายไม่ปักใจเชื่อว่าผู้เสียชีวิตจะคิดสั้น และยังติดใจกรณีชายเพื่อนบ้านบังเอิญไปเจอผู้เสียชีวิตกลางดึก โดยหลังเกิดเหตุทางตำรวจได้เชิญตัวชายเพื่อนบ้านไปสอบปากคำโดยละเอียด ยังยืนยันว่าพบเห็นเหตุการณ์โดยบังเอิญ จึงพยายามหาทางเข้าไปช่วยเหลือ เพราะมองทะลุจากกระจกเห็นผู้ตาย แต่เปิดประตูไม่ได้ ก่อนที่จะทุบกระจกบานหน้าต่าง เข้าไปหาทางช่วยเหลืออุ้มร่างผู้ตายออกมาจากห้องน้ำ วางบนโซฟา แต่ช่วยชีวิตไว้ไม่ทัน ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางไปแจ้งตำรวจด้วยตนเอง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
เบื้องต้นจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ปกตินางน้ำผึ้ง ผู้ตาย จะอาศัยอยู่กับลูกสาว 2 คน คนโตอายุ 18 ปี และ คนเล็กอายุ 13 ปี ส่วนสามีทำงานเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่กรุงเทพมหานคร โดยบ้านพักดังกล่าวสร้างขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นบ้านพักกลางทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน ห่างจากชุมชนกับบ้านพ่อแม่ผู้ตาย ประมาณ 400-500 เมตร จนกระทั่งวันเกิดเหตุ ผู้ตายอยู่บ้านคนเดียว เนื่องจากลูกสาวทั้ง 2 คน ไปสอบที่ กทม. จากนั้นช่วงกลางดึก ได้มีชายเพื่อนบ้าน อ้างว่า ไปพบเหตุโดยบังเอิญ และมองผ่านกระจกข้างบ้าน พบว่าผู้ตายใช้ผ้าขนหนูแขวนคอตายในราวเหล็กภายในห้องน้ำ จึงพยายามตะโกนและหาทางเปิดประตูบ้านเข้าไปช่วย แต่ประตูล็อก จึงทุบกระจกหน้าต่างข้างบ้านเข้าไปช่วยเหลือ อุ้มร่างผู้ตายออกมาวางบนโซฟาในบ้าน และพยายามปั๊มหัวใจ ประมาณ 20-30 นาที ด้วยความตกใจ จึงตัดสินใจขับรถยนต์ไปแจ้งตำรวจ ประสานเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบช่วยเหลือ และระดมทีมกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจอยู่สักพักแต่ไม่ฟื้น ก่อนที่จะนำร่างผู้ตายไปตรวจชันสูตรโดยละเอียดที่โรงพยาบาลนครพนม
อย่างไรก็ตามทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ อีกทั้งญาติผู้ตายและเพื่อนบ้าน ยังยืนยันว่าผู้ตายไม่มีปัญหาส่วนตัว และไม่มีความเครียด เพราะเป็นคนมีฐานะ และไม่มีปัญหาชีวิตครอบครัวมาก่อน จึงต้องการร้องทุกข์ให้ทางตำรวจ พนักงานสอบสวน ดำเนินการส่งศพไปชันสูตรโดยละเอียด เพื่อคลี่คลายปมเสียชีวิตปริศนา เพราะยังมีเงื่อนงำหลายอย่างที่ญาติยังติดใจ โดยทางตำรวจจะได้เตรียมนำศพผู้ตาย ส่งไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช จ.ขอนแก่น ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อรอผลชันสูตรยืนยัน ประกอบกับการตรวจสอบหลักฐานร่องรอยการเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ว่าสาเหตุมาจากการฆ่าตัวตาย หรือมีปมฆาตกรรม โดยภายหลังทางผู้สื่อข่าวได้พยายามประสานไปสอบถามข้อเท็จจริงกับชายเพื่อนบ้านที่พบศพคนแรก รวมถึงเจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัย ยังยืนยันว่าไม่พร้อมที่จะให้ข่าว รอการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ