หนุ่มโคราชร้องหลานสาวตกเป็นเหยื่อถูกหลอกโอนเงิน หลังคลิกลิงก์จ้างคนดูคลิปในยูทูบ สูญเงินกว่า 3 แสนเป็นเงินในบัญชียายกับเงินที่แม่ฝากไว้ให้เรียนหนังสือ จนเครียดหนัก ต้องกินยาคลายเครียด ยานอนหลับ ถึงขั้นนอนละเมอเมื่อไหร่จะจับคนร้ายได้ เตือนสติผู้ปกครองยุคนี้ ต้องดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด
วันที่ 1 ก.พ. 66 ผู้สื่อข่าว จ.นครราชสีมา ได้ไปพบนายอธิชัย ศรีพันธ์ อายุ 39 ปี อยู่ที่ ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 65 ที่ผ่านมา หลังจากที่หลานสาวของตนได้ไปเห็นลิงก์โฆษณารับสมัครงานหาคนดูคลิปวิดีโอจากยูทูบผ่านจากแอปพลิเคชันไอจี และหลงเชื่อกดสมัครเข้าไปจนได้พูดคุยกับแอดมินผ่านทางไลน์ ก่อนที่ทางแอดมินจะให้หลานของตนโอนเงินจำนวน 100 บาท เพื่อสมัครเข้าทำงานดูคลิปวิดีโอจากยูทูบโดยมีการอ้างว่าเงินที่โอนเข้าไปจะเป็นเงินลงทุนโดยหลานจะได้เงินส่วนแบ่งจากยอดวิวของยูทูบที่ทางแอดมินส่งมาให้ดู จากนั้นคนที่อ้างว่าเป็นแอดมินได้ส่งโปรโมชันเงื่อนไขในการทำงานมาให้หลานของตนดู โดยเงื่อนไขโปรโมชันมีรายละเอียดเกี่ยวกับการดูคลิปวิดีโอที่เป็นมิวสิกวิดีโอโดยเริ่มต้นที่ 5 เพลง ได้จะเงิน 200 บาท ต้องจ่ายค่าประกัน 100 บาท จนไปถึง 50 เพลง ได้เงิน 5,000 บาท จ่ายเงินประกัน 1,000 บาท ซึ่งหลานของตนสนใจจำนวน 20 เพลง จึงโอนเงินประกันไป 400 บาท ผ่านธนาคารทหารไทย ชื่อบัญชีปลายทาง สุมลรัตน์ พรมจันทร์ หลังจากโอนเงินทางแอดมินก็แจ้งกลับมาว่าเบิกงานให้หลานของตนไม่ทันทำให้ต้องหางานอื่นมาให้เป็นการกดรับสินค้าพร้อมกับส่งขั้นตอนการทำงานมาให้ดูแต่พอหลานของตนกดเข้าไปก็มีปัญหาจนหลานของตนเริ่มไม่มั่นใจและจะขอยกเลิกบัญชีที่สมัครดูคลิปวิดีโอจากยูทูบซึ่งค่าปิดบัญชีอยู่ 500 บาท ที่หลานโอนไปที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายมนตรี วาอุบล เป็นเงิน 500 บาท
...
จากนั้น วันที่ 29 ธ.ค. 65 ทางแอดมินทักกลับมาว่างานยูทูบว่างแล้ว แต่หลานของตนก็ไม่ตอบกลับไปจนมาในวันที่ 7 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา แอดมินก็ส่งข้อความมาว่าในลักษณะเชิงข่มขู่ว่า “สวัสดีค่ะ ยูสเซอร์ของคุณ (ไม่งั้นจะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานและเรียน)” และในข้อความที่ส่งมามีการขู่เรื่องการกระทำผิดกฎหมายจนทำให้หลานกลัวจึงต้องรีบโอนเงินเพื่อทำการปิดบัญชีไปอีก 500 บาท ไปที่บัญชีธนาคารทหารไทย ชื่อบัญชี น.ส.ปรารถนา หุริน ก่อนที่ทางแอดมินจะหลอกหลานต่อในเรื่องขั้นตอนการปิดบัญชีทำให้หลานโอนไปยังบัญชีเดิมอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 500 บาท รวมเป็นเงิน 1,500 บาท และค่าเอกสารอีก 1,500 บาท ซึ่งหลานของตนโอนจนไม่เหลือเงินแล้ว จึงได้มาขอยืมโทรศัพท์ของยายซึ่งมีเงินเก็บอยู่ในบัญชีประมาณ 3 แสนบาท
“หลานได้มาขอยืมโทรศัพท์ยาย แล้วออกไปอยู่บ้านอีกหลังที่อยู่ข้างๆ กัน และติดต่อกับทางแอดมินที่มาหลอกให้ทำงาน หลังจากนั้นก็มีการโอนเงินไปอีกหลายรอบจนรอบสุดท้ายยอดเงินที่ต้องโอนคือ 180,000 บาท โดยทางแอดมินแจ้งว่าเป็นค่าภาษีซึ่งหลานก็โอนไปจนหมดบัญชี รวมยอดเงินของหลานที่โอนไปก่อนหน้านี้ด้วยเป็นเงินทั้งหมด 302,500 บาท ซึ่งเงินในบัญชีของยายเป็นเงินบำนาญของตาที่เกษียณอายุราชการแล้วอีกส่วนหนึ่ง เป็นเงินที่แม่ของหลานโอนมาเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา โดยเรื่องนี้เพิ่งมารู้ในวันเดียวกัน คือวันที่ 7 ม.ค. ตอนที่หลานโทรไปยืมเงินกับป้าซึ่งป้าตอบกลับมาว่าหลานกำลังถูกหลอก ในระหว่างนั้นหลานก็วิ่งออกจากบ้านไปบ้านอีกหลังหนึ่งข้างๆ กันและไปนั่งอยู่ที่ระเบียงร้องไห้ฟูมฟายและกรีดร้องจนต้องเข้าไปปลอบจึงยอมลงมา”
นายอธิชัย กล่าวอีกว่า หลังจากเหตุการณ์นี้ หลานของตนก็ตกอยู่ในอาการผวา นอนไม่หลับ ซึ่งกลัวว่าหลานจะคิดสั้นเหมือนกับข่าวที่เด็กวัย 15 ปี ผูกคอเสียชีวิต ทำให้ตนต้องมานอนเป็นเพื่อหลานทุกคืนตั้งแต่เกิดเหตุ ซึ่งในระหว่างนั้นหลานต้องกินยาคลายเครียด ยานอนหลับ กินข้าวก็ไม่ได้ กลางคืนก็นอนผวา นอนละเมอ เมื่อไหร่ตำรวจจะจับคนพวกนี้ได้ เมื่อไหร่จะเอาเงินมาคืนยายกับตาได้ เพราะมันเป็นเงินของยายกับตา
ส่วนในเรื่องคดี ได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครราชสีมา แต่ได้รับคำแนะนำว่าให้แจ้งกับตำรวจไซเบอร์ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จนถึงวันนี้ก็ไม่มีความคืบหน้าของคดี ซึ่งอยากฝากไปยังตำรวจที่รับผิดชอบอยากให้ช่วยเร่งรัดเรื่องคดีให้เร็วขึ้นเพราะไม่อยากให้มีเหยื่อแบบหลานของตนอีก และอยากฝากไปยังผู้ปกครองในเรื่องการดูแลบุตรหลานอยากให้ดูแลอย่างใกล้ชิดและคอยสังเกตพฤติกรรมผิดปกติอยู่ตลอดเวลาเพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก.