เจ้าของร้านเล้งแซ่บ ตลาดเซฟวัน โคราช เปิดใจ หลังถูกชวนไปขายในงานบิ๊กเมาน์เท่น เจ๊งยับ จวกบริหารได้ห่วยมาก คนขายน้ำแข็ง ต้องเข็นน้ำแข็ง เข็นน้ำไปส่งเพราะห้ามรถยนต์เข้า ร้านมีกว่า 120 ร้าน กว่าจะต้ม กว่าจะได้ขาย คนก็เดินไปดูดนตรีหมดแล้ว ซ้ำมัดจำ 5 พันยังไม่คืน ถูกดีดออกจากกลุ่มไลน์
จากกรณีที่มีผู้ใช้ชื่อเฟซบุ๊ก “เสี่ยต้น คนเดิม” ได้ออกมาโพสต์แชร์เรื่องราวหลังจากที่ได้ไปขายอาหารภายในงานบิ๊กเมาน์เท่น โดยจากโพสต์นั้นเจ้าตัวได้ระบุว่า... จบงาน จบชีวิต ไปกับบิ๊กเมาน์เท่น 12 ประสบการณ์นี้จำสุดชีวิต ค่าลงทุน สองแสน เผลอๆ เกินอีก เงินลงทุน กุก็ต้องไปกู้มา เพราะคำการันตีจากผู้จัดงาน กับคำว่าต้องเตรียมสินค้าไว้วันละ 2,500 เสิร์ฟนะคะ ตาลุกดิ งานนี้กุได้ขายยอดเป็นแสนแน่นอน วันเปิดขายวันแรก เ_ยมาก กุมองดูแล้วว่ามันไม่ใช่งานมหกรรมคอนเสิร์ต แต่มันคืองานเดินทางไกลแห่งชาติ งานแฟร์ชั่นแห่งยุค และงานแข่งเยี่_วนานาชาติ เละเทะม๊ากกก การจัดการระบบน้ำ น้ำแข็ง ห้องน้ำ ที่นั่งลูกค้าความสะดวกของร้านค้ากับค่าที่ 5 หมื่นไม่มี
สรุปเลย!!! เจ๊ง ขาดทุนย่อยยับ กับงานขายฝัน เข็ดแล้วกุ งานเดินสาย ตอนนี้สงสารเมียมาก นางยิ้มกลบเกลื่อนความเศร้า ไหนจะเจ๊ง ไหนจะใช้หนี้ ไหนเงินที่เก็บ สูญเปล่ากับคำว่าการันตี เห้อ!!!โปรดยืนไว้อาลัยพ่อค้าแม่ค้าที่เหมือนกับกุ 1 นาที" จากนั้นได้มีชาวเน็ตเข้ามาถกกันสนั่นในโพสต์
ล่าสุด วันที่ 15 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ตลาดเซฟวัน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบกับนายศุภกร ธนัตชัยการ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของโพสต์ และเป็นเจ้าของร้าน “ซุปเปอร์เล้งแซ่บ อร่อยม่อร้อง” โดยกำลังทำการจัดเตรียมร้าน เพื่อขายให้กับลูกค้าที่มาเดินช็อปปิ้งในตลาดเซฟวันเหมือนปกติทุกวัน
...
นายศุภกร ธนัตชัยการ เจ้าของโพสต์ เล่าให้ฟังว่า สาเหตุที่ตนเองโพสต์เรื่องดังกล่าว เนื่องจากเกิดความอัดอั้นหลังจากขายของในงานบิ๊กเมาน์เท่นเสร็จในคืนสุดท้ายแล้ว ซึ่งความเป็นมาของเรื่องนี้ ก่อนหน้านั้นได้มีผู้อ้างว่าเป็นทีมจัดงานบิ๊กเมาน์เท่น มาคัดเลือกร้านค้าที่จะไปขายภายในงาน โดยมาสอบถามว่าร้านของตนสนใจที่จะไปขายในงานนี้หรือไม่ ซึ่งก็ถามว่าจะให้ไปขายอะไร เขาบอกว่าคัดเลือกจากร้านขายต้มเล้ง จะให้ตนเองไปเปิดขายต้มเล้ง และอ้างว่างานนี้จะมีคนเข้าชมเป็นจำนวนมาก เฉพาะบัตรที่ขายก็หมดไป 9 หมื่นใบในวันแรก และมีบัตรสปอนเซอร์อีก รวมแล้วน่าจะมีคนเข้างานมากกว่า 1 แสนคน ซึ่งเขาการันตีว่าแต่ละวันมียอดเสิร์ฟไม่ต่ำกว่าวันละ 2,500 เสิร์ฟ รวม 2 วัน ก็จำนวน 5,000 เสิร์ฟ คำนวณแล้วว่า ต้องใช้เล้งกระดูกหมู หนัก 1 ตัน พริกธรรมดา หนัก 70 กก., พริกขี้หนูสวน หนัก 30 กก. และวัตถุดิบต่างๆ อีกรวมมูลค่าประมาณ 1 แสนบาท ซึ่งตนก็ถามว่ามีที่นั่งให้ลูกค้ารับประทานหรือไม่ ทางผู้จัดก็บอกว่ามีซุ้มกองฟางให้นั่งอยู่ ด้วยความที่ผู้จัดงานเป็นบริษัทค่ายเพลงใหญ่ มีชื่อเสียง และมีการการันตีจำนวนลูกค้าให้เช่นนี้ จึงทำให้ตนตัดสินใจโอนเงินค่ามัดจำไปให้ในวันนั้น จำนวน 50,000 บาท แต่พอวันงานเห็นซุ้มกองฟางเล็กมาก ไม่น่าจะรองรับลูกค้าได้มากตามที่เขาการันตีไว้ เมื่อเปิดขายวันแรก ปรากฏว่าขายไม่ได้เลย เพราะลูกค้าไม่มีที่นั่ง ทำให้วันต่อมาต้องมีการเปลี่ยนไปทำผัดกะเพราเล้งใส่กล่อง ขายให้ลูกค้าสามารถถือเดินไปรับประทานได้ แต่ก็ขายได้ไม่มากนัก
แต่การบริหารจัดการของผู้จัดงานเละเทะมาก แม้แต่น้ำเปล่า และน้ำแข็งที่ตนเองต้องเอามาแช่วัตถุดิบ ก็ไม่สามารถนำมาส่งให้ได้ เพราะเขาไม่อนุญาตให้รถยนต์เข้ามาภายในบริเวณงานเลย คนส่งน้ำ ส่งน้ำแข็ง ต้องใช้รถเข็นส่งแทน ซึ่งร้านมีอยู่จำนวนมากกว่า 120 ร้าน และตั้งอยู่ห่างไกล กว่าร้านน้ำแข็งจะส่งให้ครบทุกร้านก็ทำให้ของสดมีกลิ่นแล้ว กว่าจะมีน้ำเตรียมอุปกรณ์ต้มเล้งได้ ก็ช่วงกลางคืนแล้ว ซึ่งคนก็ไม่นั่งกินเตรียมไปดูดนตรีกันแล้ว โดยก่อนไปขายในงาน ตนต้องไปกู้เงินบัตรเครดิต นำทองไปจำนำ เพื่อจ่ายค่าเช่าที่ค่าวัตถุดิบ ค่าคนงาน รวมเบ็ดเสร็จแล้ว ลงทุนไปกว่า 2 แสนบาท แต่พอขายวันสุดท้าย มานับเงินได้เพียง 4 หมื่นกว่าบาทเท่านั้น เป็นอันว่าขาดทุนย่อยยับ และที่สำคัญหลังเสร็จงาน ผู้จัดงานยังดีดพ่อค้า แม่ค้าที่ไปขายในงาน ออกจากกลุ่มไลน์หมดทุกคน โดยที่ยังไม่คืนเงินค่ามัดจำจำนวน 5,000 บาท ให้กับพ่อค้าแม่ค้าเลย จึงได้เกิดความอัดอั้นตันใจและออกมาโพสต์เล่าเรื่องลงในโซเชียลครั้งนี้.