จบดราม่าเด็ก นร. 5 ขวบแขนหักหลังเจรจากว่า 4 ชม. ร.ร.ยอมจ่ายค่าทำขวัญ 3 หมื่น ขณะที่ผู้ปกครองร่ำไห้ยกมือไหว้ขอโทษครู และ ร.ร.ที่ให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนว่าหลานเคยล้มแขนหัก จนทำให้สังคมเข้าใจผิด

เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 65 หลังเกิดดราม่ามาตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา กรณีนางสาวกรรณิการ์ คำโส อายุ 42 ปี ชาวบ้าน ต.โคกสูง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ผู้ปกครอง เด็กชายวัย 5 ขวบ นักเรียนชั้น อนุบาล 3 โรงเรียนบ้านโคกสูงคูขาด ต.โคกสูง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า ผอ.โรงเรียน และครูประจำชั้น ไม่สนใจหลานตัวเอง หลังจากหลานแขนหักที่โรงเรียนตั้งแต่เที่ยงวัน แต่ไม่มีใครพาไปหาหมอ ไม่แจ้งผู้ปกครองทราบ มารู้ตอน 4 โมงเย็นหลังเลิกเรียน วันที่ 13 มิ.ย. ต้องพาไปหาหมอเอง ทั้งยังเบี้ยวค่าเยียวยาเงินจำนวน 55,000 ที่สัญญาว่าจะจ่ายให้ ในวันที่ 20 มิ.ย.แต่กลับบอกว่าไม่มีเอาดื้อๆ ทำให้โลกโซเชียลต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้างในช่วงที่ผ่านมา

ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 ก.ค. 2565 นายสุชิต ชมภูวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ (สพป.บร.) เขต 3 ได้นัดหมายให้ นายอุเทน ระวะใจ ผอ.โรงเรียนโคกสูงคูขาด, นางนิตยา ธวัชชัยสกุล ครูประจำชั้นเด็ก 5 ขวบ และนางสาวกรรณิการ์ คำโส อาของเด็ก ต้นเรื่อง มาเจรจากันที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปรับฟังการเจรจาด้วย จนกระทั่งเมื่อเวลา 16.20 น.รวมแล้วกว่า 4 ชม.ที่มีการเจรจากัน สรุปจบกันด้วยดี ฝ่ายโรงเรียนจ่ายเงินค่าทำขวัญให้เป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท ต่างฝ่ายต่างขอโทษซึ่งกันและกัน

นางนิตยา ธวัชชัยสกุล ครูประจำชั้น กล่าวพร้อมนำภาพมาประกอบว่า ภาพที่ปรากฏในข่าว ไม่ตรงกับความเป็นจริง วันนั้นตนยังถ่ายภาพน้องขณะนั่งเรียนหนังสืออยู่ แขนไม่ได้หักงอเป็นรูปตัว L เหมือนกับภาพในข่าว แต่ได้เข้าไปท้วงเด็กจริง พร้อมกับแจ้งผู้ปกครองตอนมารับเด็กด้วย ขณะที่ ฝ่ายอาของน้องก็ได้ขอโทษ ที่ให้ข้อมูลบางอย่างผิดพลาดไปบ้าง ส่วนเรื่องการฟ้องกลับ ส่วนตัวคงไม่ทำ เพราะถือว่าจบลงแล้วด้วยดี

...

ขณะที่ นางสาวกรรณิการ์ คำโส อาของเด็กวัย 5 ขวบ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าหลานแขนหักมาก่อนหน้านี้และเข้ารักษาที่โรงพยาบาล และได้ถอดเฝือกวันแรกแล้วไปโรงเรียนทันที โดยมีโอกาสที่เด็กซึ่งอยู่ในวัยกำลังซน จะเล่นจนแขนหักซ้ำได้ ส่วนตัวไม่ติดใจว่า "ทำไมแขนหลานถึงหัก" แต่ที่ติดใจคือทำไมไม่แจ้งผู้ปกครอง หรือพาไปหาหมอ ซึ่งสามารถทำอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทำพร้อมกันได้ แต่ทั้งหมดก็จบลงด้วยดี ยังมั่นใจในศักยภาพของโรงเรียน จะให้หลานไปเรียนที่เดิม ส่วนหลานยังจะให้พักผ่อนที่บ้านก่อน อาการดีขึ้นไม่เจ็บ ไม่ปวด

ส่วน นายสุชิต ชมภูวงศ์ ผอ.สพป.บร.เขต 3 กล่าวว่า ตอนนี้ถือว่าเข้าใจกันแล้วทั้งสองฝ่าย เหตุที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะการให้ข้อมูลเพียงฝ่ายเดียวในตอนแรก โดยจะนำเคสนี้เป็นกรณีศึกษา เพื่อช่วยกันพัฒนาการศึกษาต่อไป.