“หมอปลา” พาสื่อบุกพิสูจน์สำนักปฏิบัติธรรมประหลาด พบ “พระบิดา” อ้างตัวเป็นเจ้าลัทธิสุดเพี้ยน สั่งสอนให้เหล่าสาวกดื่มกินสิ่งปฏิกูล ทั้งคราบเหงื่อไคล ขี้ไคล ปัสสาวะ อุจจาระ น้ำลาย เสมหะ และก้นบุหรี่ของพระบิดา แถมยังเก็บศพลูกศิษย์ไว้ในอาศรมถึง 11 ศพ “ผู้ว่าฯชัยภูมิ” มาดูด้วยตัวเองถึงผงะ ไม่คิดว่า ในพื้นที่ปกครองจะมีเรื่องราวพิสดารแบบนี้ สั่งตำรวจ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบเอาผิดตามข้อกฎหมายทันที
“หมอปลา” บุกสำนักเพี้ยน สั่งสอนให้สาวกกินอึ ฉี่ ขี้ไคล รักษาโรค เมื่อช่วงสายวันที่ 8 พ.ค. นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา พร้อมทีมงาน สื่อมวลชนหลายสำนัก และตำรวจ สภ.คอนสาร เข้าตรวจสอบสำนักปฏิบัติธรรมประหลาดที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนา พื้นที่หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการกักขังผู้มาปฏิบัติธรรม และรักษาโรคด้วยวิธีการแปลกประหลาด ไม่ถูก สุขลักษณะ พบเป็นกระต๊อบไม้ชั้นเดียวมุงด้วยใบหญ้าคา ภายในมีข้าวของวางสุมกองไว้รกรุงรัง และ มีชายหญิงตั้งแต่วัยกลางคนไปถึงคนสูงวัย ราว 30 คน นั่งรายล้อมชายชราผมยาวขาวโผลน ไม่สวมเสื้อ ที่บรรดาผู้มาปฏิบัติธรรมพากันเรียกว่า “พระบิดา” สาวกทุกคนจะไม่ใส่หน้ากากอนามัย เพราะเชื่อว่าหากอยู่ในสำนักภายใต้การปกครองของพระบิดา โรคโควิด-19 จะไม่สามารถทำอันตรายพวกเขาได้
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก น.ส.เจนจิรา สุวรรณ อายุ 53 ปี ชาวขอนแก่น ได้ร้องเรียน “หมอปลา” ว่า มารดาชื่อนางน้อย แดนคำสาร อายุ 80 ปี ถูกหลานสะใภ้ชวนไปปฏิบัติธรรมที่อาศรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เมื่อปีที่แล้ว และตั้งแต่เข้าไปปฏิบัติธรรม ปรากฏว่ามารดามีพฤติกรรมแปลกประหลาดคล้ายถูกล้างสมอง อาศรมแห่งนี้มีเจ้าสำนักชื่อ “นายโจเซฟ” แต่จะให้สาวกในอาศรมเรียกว่า “พระบิดา” อ้างว่าเป็นพระบิดาของๆทุกศาสนา มีความสามารถในการรักษาโรคภัย เป็นผู้สร้างโลก และยังสั่งสอนให้ลูกศิษย์ที่อาศัยในอาศรมกว่า 30 ชีวิต ปฏิบัติกิจแปลกๆ เช่น กินคราบเหงื่อไคล ขี้ไคล ปัสสาวะ อุจจาระ น้ำลาย เสมหะ และก้นบุหรี่ของพระบิดา ทุกคนในนั้นยอมทำตามเพราะเชื่อว่าเป็นโอสถ สามารถรักษาโรคต่างๆได้ รวมถึงโควิด-19 นอกจากนี้ลูกศิษย์ยังนำดินโคลน อุจจาระ และปัสสาวะของพระบิดาที่ได้ถ่ายทิ้งไว้มาพอกตัว อ้างว่าสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้เช่นกัน โดยไม่ต้องไปหาหมอ
...
น.ส.เจนจิราให้ข้อมูลอีกว่า หลังจากแม่เข้าไปปฏิบัติธรรมในอาศรม แม่ถูกห้ามกลับบ้าน ตนเดินทางไปเยี่ยมแม่ พอไปถึงมีลูกศิษย์สั่งให้ก้มกราบพระบิดา ด้วยการเอามือทั้ง 2 ข้างวางซ้อนกันแล้วก้มหัวลงกับพื้น พร้อมสลับการซ้อนมือจนครบ 9 ครั้ง ห้ามมองหน้าพระบิดา ผู้หญิงที่เข้าไปทุกคนต้องสวมผ้าถุงยาวคลุมเข่า ผู้ชายต้องนุ่งกางเกงขายาว และต้องถอดรองเท้าเพื่อให้เกียรติด้วย แต่สิ่งที่ทำให้ตนช็อกสุดขีดคือ เห็นกับตาว่าแม่ของตนที่อาศัยในนั้นมา 1 ปี กำลังเอาเสมหะหรือเสลดของพระบิดามาล้างหน้า ก่อนจะเอามือไปรองคราบขี้ไคลมารับประทาน ตนตกใจมาก ในสำนักดังกล่าวยังมีศพที่ถูกเก็บรักษาไว้อีก 11 ศพ เป็นศพผู้มาปฏิบัติธรรมแล้วเสียชีวิต สาวกอ้างว่าเป็นคำสั่งของพระบิดาที่ไม่ยอมให้เอาศพส่งคืนญาติ เพราะถือว่าเมื่อเข้ามาถือศีลแล้ว เท่ากับเป็นการถวายตัวต่อพระบิดา ตายแล้วห้ามนำศพกลับบ้าน มารดาตนก็ยินยอมถวายตัวให้พระบิดา สั่งเสียว่าหากตายไม่ต้องเอาศพออกมาทำพิธี
เมื่อหมอปลาและทีมงานเดินทางไปถึงบรรดาลูกศิษย์ต่างแตกตื่นและตกใจที่หมอปลานำสื่อมวลชนจำนวนมากบุกเข้ามาในสำนัก จู่ๆมีหญิงสาวรายหนึ่งเข้ามากอดแขนและดึงหมอปลาไปหาพระบิดา บอกว่าไม่ต้องแวะที่ไหนเพราะบุคคลที่จะเข้ามาในสำนักทุกคน จะต้องมารายงานตัวให้พระบิดารับทราบ จากนั้นหมอปลาได้สอบถามชายที่อ้างตัวเป็นพระบิดา ทราบชื่อว่านายนที หรือโจเซฟ ไม่มีนามสกุล อ้างตัวเป็นพระเมตไตรยะ หมอปลาและผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายนทีว่า ทำไมถึงสั่งสอนลูกศิษย์ให้เชื่อเรื่องงมงายแบบนี้ และถามว่านายนทีคือพระเจ้าผู้สร้างโลกจริงหรือไม่ นายนทีปฏิเสธบอกไม่ได้สอนลูกศิษย์ เพียงแค่พวกลูกศิษย์เชื่อกันเอง และตนไม่ได้บังคับให้กินอึ กินฉี่
ระหว่างนั้นได้มีลูกศิษย์หญิงสูงวัย 2 คน ก้มดื่มฉี่ที่พระบิดาฉี่ไว้ในหลุม และบอกว่า “นี่คือโอสถชั้นดี บรรดาลูกศิษย์ที่แห่งนี้ได้กินกันหมดแล้ว” พร้อมบอกว่า คนที่ได้กลิ่นเหม็นและอาเจียน คือคนที่จิตใจไม่บริสุทธิ์ ต่างจากพวกตนที่ปฏิบัติธรรมดีและศรัทธาต่อพระบิดา จะไม่มีอาการดังกล่าวเนื่องจากไม่มีกลิ่น เพราะมีความบริสุทธิ์ในจิตใจ นอกจากนี้ พระบิดามักจะให้ลูกศิษย์กินขี้ไคลตัวเอง อ้างว่า ทุกสิ่งที่ขับออกจากร่างกายพระบิดาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากใครได้กินแล้วจะหายจากโรคร้ายได้หมด จากนั้นนายนทีได้ใช้ฝ่ามือถูขี้ไคลส่งให้กับลูกศิษย์หญิงคนหนึ่งหยิบก้อนขี้ไคลใส่ปากทันที พร้อมบอกว่า ก้อนขี้ไคลคือยารักษาโรคชั้นดี กินแล้วร่างกายแข็งแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่หมอปลากำลังสอบถามนายนทีอยู่นั้น จู่ๆมีหญิงสาวรายหนึ่ง เกิดอาการประหลาดคล้ายกับถูกผีเข้าและกรีดร้องเสียงดังขึ้นมา พร้อมบอกว่า “ทำไมหมอปลาต้องมาทำแบบนี้กับพระบิดา จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในอนาคตหากไม่ยอมหยุด”
จากการตรวจสอบด้านหลังเตียงนอนของนายนทียังพบโลงศพเขียนชื่อว่า “นางวัล” ทราบว่าโลงศพดังกล่าวเป็นศพมารดาของนายนที เจ้าสำนักเพี้ยน ส่วนด้านนอกเพิงพักยังพบโลงศพขนาดใหญ่ 3 โลง และโลงศพของเด็กทารก 1โลง ลักษณะของโลงศพทุกโลงจะถูกเจาะระบายน้ำเหลืองออกมา
นายมานะ ชัยงามดี อายุ 45 ปี หนึ่งในผู้ปฏิบัติธรรมเผยว่า ในสำนักแห่งนี้ไม่ได้มีเพียง 5 ศพเท่าที่เห็น แต่ยังมีอีก 6 ศพเก็บบรรจุไว้ตามจุดต่างๆทั้งในกระท่อมและการฝังลอย รวมทั้งสิ้นแล้วมีทั้งหมด 11 ศพ ทุกศพที่นำมาตั้งไว้ที่แห่งนี้มีญาติและญาติได้ยินยอม พร้อมกับมีใบแจ้งตายถูกต้องตามกฎหมายทุกศพ ญาติของบางศพได้ปฏิบัติธรรมอยู่ที่สถานที่แห่งนี้ ส่วนการบรรจุศพจะเป็นไปตามกระบวนการของทีมแพทย์ใส่ถุงซิปแบบมิดชิด แต่ไม่ได้ฉีดฟอร์มาลิน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ฉีดฟอร์มาลิน ศพก็ไม่ได้ส่งกลิ่นเหม็น แต่ยอมรับว่ามีน้ำเหลือง ไหลออกมาบ้างไม่มาก
ด้านนายอำนาจ นรสาร อายุ 64 ปี หนึ่งในผู้ปฏิบัติธรรมและเจ้าของศพ เผยว่า แม่ของตนได้เสียชีวิตมาแล้ว 3 ปี ด้วยโรคชรา ขณะนั้นอายุ 84 ปี จากนั้นได้ขออนุญาตพระบิดานำร่างของแม่มาไว้ในสถานที่แห่งนี้ เชื่อว่าแม่จะไปสบาย ไม่ได้ทุกข์ทรมานมีพระบิดาประกอบพิธีให้ ศพไม่ได้ส่งกลิ่นเหม็น และพระบิดาจะเป็นคนตัดสินว่าจะต้องฌาปนกิจศพวันไหน นอกจากนี้ บางวันศพจะส่งกลิ่นหอมออกมาเป็นกลิ่นดอกมะลิ ตามความเชื่อหรือความศรัทธา ลูกศิษย์ที่นับถือจะนำน้ำเหลืองที่หยดออกมาจากศพมาชโลมใบหน้าเป็นยารักษาโรค ส่วนตนได้มาปฏิบัติธรรมกับพระบิดาประมาณปี 2553 จากการชักชวนของเพื่อนร่วมงาน ขณะนั้นตนมีความทุกข์ แสวงหาทางให้พ้นทุกข์ กระทั่งมาพบเจอกับพระบิดา คำสอนของท่านทำให้ตนนั้นเข้าใจง่าย พร้อมกับชักชวนผู้เป็นแม่เข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรมด้วย
ต่อมานางอำพร จำรัสแนว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลดงกลาง เจ้าของพื้นที่ได้เข้ามาตรวจสอบด้วย และเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ศพทุกศพมีการแจ้งตายจริง ผู้ใหญ่บ้านได้เซ็นรับรอง ยกเว้นศพเด็กทารก 1 ปี 7 เดือน ที่ไม่มีใครแจ้งให้ทราบ ขณะเดียวกัน 10 ศพที่เหลือแจ้งว่าจะนำไปประกอบพิธีฌาปนกิจศพและฝังตามขั้นตอน แต่ไม่ทราบมาก่อนว่าคนในสำนักแห่งนี้จะแอบเก็บศพเอาไว้ โดยไม่แจ้งให้ทราบ สำหรับสถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ ไม่มีใครเป็นผู้ครอบครองเป็นเจ้าของ
...
ต่อมาเวลาบ่าย 3 โมง นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ชัยภูมิ พร้อมนายชาญไชย ศรศรีวิชัย รอง ผวจ.ชัยภูมิ พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร นำกำลังตำรวจ สภ.คอนสาร เจ้าหน้าที่ อส. เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบสำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าว นายไกรสรได้เข้าไปพูดคุยกับพระบิดา พร้อมให้คำแนะนำเรื่องสุขอนามัยของคนในสำนัก ก่อนที่จะตักเตือนคนที่มาปฏิบัติธรรมว่าอย่างมงาย
นายไกรสรเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สถานที่แห่งนี้เปิดเป็นสำนัก ลักษณะเป็นลัทธิความเชื่อในกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง รักษาโรคตามคำกล่าวอ้าง เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มจากมีประชาชนร้องเรียนไปยังหมอปลา เพื่อร้องขอความช่วยเหลือว่า มีญาติเข้าไปรักษาในสำนักแห่งนี้แล้วหายตัวไป อยากให้ช่วยเหลือนำตัวกลับออกมา เบื้องต้นจะแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ หลังพบว่าคนในสำนักไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย พร้อมพิจารณาข้อกฎหมายอื่นๆเพื่ออายัดศพทั้ง 11 ศพ ไปชันสูตรศพหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ถูกต้อง และพิจารณาในข้อกฎหมายบุกรุกพื้นที่สาธารณประโยชน์ด้วยหรือไม่ หากผิดจริงจะสั่งให้รื้อถอนเพิงพักออกทั้งหมด ส่วนตัวแล้วไม่เคยทราบมาก่อนว่าในพื้นที่แห่งนี้มีสำนักปฏิบัติธรรมประหลาดแบบนี้