กรมศิลปากรลงพื้นที่บ้านท่าเสียว อุดรธานี ตรวจสอบที่ดินพบโครงกระดูกมนุษย์ อาวุธโบราณ เครื่องประดับ พบอยู่ในยุคหินใหม่อายุราว 2-3 พันปี นักโบราณคดีเผยเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจ ใกล้เคียงยุคบ้านเชียง
เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2565 ที่บริเวณพื้นที่ส่วนบุคคลขนาด 6 ไร่ อยู่ริมถนนหลวงหมายเลข 2022 ม.7 บ.ท่าเสียว ต.สร้างคอม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี หรือชาวบ้านเรียกกันว่า ดอนจี่ (ป่าช้า หรือที่ทำพิธีฌาปนกิจศพ) นายสกนธ์ กรกฎ นอภ.สร้างคอม, นางสาวกนกวลี สุริยะธรรม ผอ.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง, นักโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น นายทวี ศรีสร้างคอม กำนัน ต.สร้างคอม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และ นายธนกฤต ศรีวงษ์รัตน์ อายุ 54 ปี เจ้าของที่ดิน พร้อมด้วยชาวบ้าน ร่วมกันตรวจสอบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ, กระดูกสัตว์, อาวุธ, เครื่องใช้และเครื่องประดับที่ทำจากหิน เช่น ใบขวาน ปลายหอก ปลายธนู กำไลข้อมือ และหม้อดินที่ตกแต่งด้วยลายเชือกทาบสีแดง คล้ายกับลวดลายหม้อและไหบ้านเชียงที่ขุดค้นพบ ซึ่งต่อมาองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกเมื่อเดือนธันวาคม 2535
...
จากการตรวจสอบโครงกระดูกมนุษย์โบราณห่างจากริมถนนราว 25 เมตร ที่เจ้าของที่ดินใช้รถแบ็กโฮขุดและปรับพื้นที่ที่เป็นเนิน หรือดอนลงไปราว 2 เมตร พบเป็นโครงกระดูกที่มีขนาดใหญ่กว่าคนในยุคปัจจุบัน เช่น กะโหลกศีรษะ และขนาดความใหญ่ความยาวของชิ้นส่วนกระดูก หรือชาวบ้านเรียกกันว่าโครงกระดูกมนุษย์ 8 ศอก ที่น่าจะมีความสูงมากกว่า 2 เมตร ที่เคยขุดพบที่บ้านเชียง โดยนักโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 8 ระบุโครงกระดูกและเครื่องใช้และเครื่องประดับ น่าจะอยู่ในช่วงยุคสมัยกลางๆ ของแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง ที่เชื่อว่ามีอายุผ่านมาราว 2,300-3,000 ปี หรืออยู่ในช่วงยุคหินใหม่ก่อนประวัติศาสตร์
นางสาวกนกวลี สุริยะธรรม ผอ.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าของพื้นที่ได้พบวัตถุโบราณในที่ดินของตนเอง ได้ประสานไปยังสำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น ให้เข้ามาตรวจสอบ สัปดาห์ที่แล้วนักโบราณคดีได้ลงมาตรวจสอบแล้ว 1 ครั้ง โบราณวัตถุที่พบเป็นเศษกระดูกมนุษย์ กระดูกสัตว์ เครื่องมือหิน เครื่องประดับหิน เบื้องต้นประสานเจ้าของที่ดินระงับเรื่องการขุดดินในพื้นที่เพิ่มเติม หากจะใช้ประโยชน์พื้นที่ต้องกลบทั้งหมด และต้องไม่ขุดลงไปเพิ่มเติมอีก แนวทางในอนาคตยังมีเนินดินด้านหลังที่ยังไม่ได้ขุดทำลาย ทางจังหวัด อำเภอ หรือท้องถิ่น ต้องทำเรื่องขอการขุดศึกษาพื้นที่ต่อไป
"พื้นที่นี้เป็นแหล่งศึกษาที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นแหล่งยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในเขต อ.สร้างคอม ยังไม่เคยได้รับรายงานว่ามีแหล่งขุดค้นที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน น่าจะสามารถพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ในพื้นที่ได้อีกแหล่งหนึ่ง ส่วนภาชนะโบราณที่พบมีร่องรอยการเขียนสี มีการใช้เทคนิคทาบเชือก ลวดลายจะร่วมกับยุคบ้านเชียงสมัยกลาง ประมาณ 2,300 ปีเป็นอย่างต่ำ หรืออยู่ในยุคหินใหม่ ถ้าจะให้ชัดเจนจริงๆ ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม หากวัตถุร่วมสมัยมันหนาแน่น จะศึกษาเปรียบเทียบได้ชัดเจนว่าคนที่นี่เข้ามาใช้พื้นที่เมื่อกี่พันปีมาแล้ว รวมถึงเมื่อมีการศึกษาโครงกระดูก เราก็จะได้รู้ว่าคนที่นี่อพยพมาหรือว่ามีถิ่นฐานมาจากไหน ทำอาชีพ กินอยู่อย่างไร สามารถศึกษาได้อีกในระยะยาว พื้นที่นี้เปรียบเทียบแล้วเป็นลักษณะเนินสูงเหมือนที่อื่น แสดงว่ามีกิจกรรมมาค่อนข้างยาวนาน เรายังไม่รู้ว่าชั้นลึกสุดในการใช้พื้นที่มีแค่ไหน ต้องขุดและศึกษาอย่างเป็นระบบ และต้องขึ้นอยู่กับว่าจะได้รับงบสนับสนุนมามากแค่ไหน" ผอ.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง กล่าว
...
ด้าน นายสกนธ์ กรกฎ นายอำเภอสร้างคอม เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รายงานจังหวัดด้วยวาจาแล้ว และส่งรายละเอียดทั้งหมดไปเพิ่มเติมอีกครั้ง ยังมีพื้นที่ที่เนินอยู่ด้านหลังอีก สักครู่ได้หารือกับทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรแล้วว่าจะขุดค้นเพิ่ม โดยอาจจะให้งบประมาณของท้องถิ่น หรือจากทางกรมศิลปากรเองเข้ามาให้การสนับสนุน แต่ว่าพื้นที่ตรงนี้เราไม่สามารถขุด หรือดำเนินการอะไรเพิ่มเติมได้อีก เพราะถ้าขุดไปอีกจะได้รับความเสียหาย ผู้เชี่ยวชาญแนะนำแล้วว่าพื้นที่เนินด้านหลังหากมีการขุดค้นเพิ่ม น่าจะเพิ่มชิ้นส่วนที่สมบูรณ์มากกว่านี้ และหากโชคดีมีการขุดพบมากกว่านี้อาจจะเป็นโอกาสที่ดีของชาว อ.สร้างคอม ที่จะได้พัฒนาเป็นแหล่งศึกษาประวัติศาสตร์ และการท่องเที่ยวในอนาคต เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีอายุใกล้เคียงกับบ้านเชียง
...
ขณะที่ นายธนกฤต ศรีวงษ์รัตน์ เจ้าของที่ เปิดเผยว่า เมื่อ 2 เดือนก่อนได้ซื้อที่ผืนนี้ต่อจากชาวบ้าน เป็นโฉนดที่ดินแบบ น.ส.3 ขนาด 6 ไร่ หน้ากว้าง 40 เมตร ตั้งใจว่าจะเปิดเป็นปั๊มน้ำมัน อู่ซ่อมรถ และที่อยู่อาศัย และได้ขอบ้านเลขที่ 96 ม.7 บ.ท่าเสียว ต.สร้างคอม ก่อนทำการปรับพื้นที่ใหม่ให้เป็นที่เป็นเนินสูง เพื่อให้เสมอกับถนนด้านหน้า โดยใช้รถแบ็กโฮและรถไถเข้าปรับพื้นที่ในวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา ตอนแรกพบเศษเครื่องใช้หิน เครื่องประดับหิน พิจารณาแล้วว่าน่าจะเป็นของโบราณจึงนำไปปรึกษาพ่อและพระที่วัดในหมู่บ้าน ชิ้นส่วนหินที่พบคนโบราณเรียกว่า “ขวานฟ้าผ่า” ลักษณะคล้ายอาวุธโบราณ ก่อนตัดสินใจแจ้งไปยังกรมศิลปากรให้เข้ามาตรวจสอบแล้วครั้งหนึ่ง กระทั่งมีการขุดพื้นที่เพิ่มเพื่อก่อสร้างโรงเรือนอีก 3 จุด ก็พบโครงกระดูกมนุษย์เพิ่มอีก จึงแจ้งให้มาตรวจสอบอีกครั้งในวันนี้
"หลังจากพบวัตถุโบราณตนได้นำกำไลหินไปให้พ่ออธิษฐานว่ามันคืออะไร พ่อเลยบอกว่าเมื่อคืนได้ฝันว่ามาทำนาอยู่บริเวณนี้ และมีคนโบราณมาช่วยทำนาเยอะมากจนทำนาเสร็จ แถวนี้ชาวบ้านสมัยก่อนเรียกว่าดอกจี่ มีความเชื่อว่าเป็นพื้นที่เผาศพ หรือประกอบพิธีกรรม สมัยรุ่นปู่รุ่นพ่อพื้นที่ตรงนี้เป็นป่าทึบ ยังไม่มีการพบเห็นอะไร มีการปรับพื้นที่แพ้วถางเมื่อตอนปี 2536 ตอนแรกที่ขุดพบวัตถุโบราณและโครงกระดูก รู้สึกประหลาดใจว่ามันมีอะไรอยู่ที่นี่ และโครงกระดูกไม่เหมือนคนสมัยนี้ ตอนแรกที่เห็นโครงกระดูกมันใหญ่มาก จนคิดว่าไม่ใช่กระดูกคน หากพื้นที่นี้เป็นแหล่งโบราณคดีจริง ก็จะยอมยกพื้นที่ให้ขุดค้น เพื่อจะได้เป็นแหล่งศึกษาประวัติศาสตร์ให้กับลูกหลานในอนาคตต่อไป" เจ้าของที่ดิน กล่าว.
...