ตำรวจแจ้งข้อหา 7 นักศึกษารุ่นพี่ ปวส. มทร.อีสาน รับน้องโหด ทำ “น้องเปรม” ถึงตาย แฉหลอกให้ไปเตะบอล พอไปถึงกลับให้เข้าฐาน บังคับผู้ชายแก้ผ้าให้นักศึกษาหญิงดู สั่งร้องเพลง ใครร้องผิดถูกทำโทษต่อยหน้าอกเรียงตัว ผู้ตายโดนชกไป 7 คนถึงล้มทั้งยืน หายใจไม่ออก ก่อนสิ้นใจอนาถ พ่อแม่สุดเศร้ารับศพส่งสถาบัน นิติเวชฯผ่าพิสูจน์ ยันดำเนินคดีถึงที่สุด ร่ำไห้ขอให้ลูกเป็นเหยื่อรับน้องรายสุดท้าย ด้านอธิการบดีออกแถลงการณ์เป็นการแอบรับน้องนอกสถานที่ มหาวิทยาลัย ไม่ทราบเรื่อง ระบุหากรุ่นพี่ผิดโทษถึงให้ออก
จากเหตุเศร้าสะเทือนใจวงการศึกษา กรณีรุ่นพี่นักศึกษามหาวิทยาเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (นครราชสีมา) หรือ มทร.อีสาน ชวนรุ่นน้องปี 1 ไปเล่นเตะฟุตบอลที่ทุ่งนาบ้านหนองระเวียง ต.หนองระเวียง อ.เมืองนครราชสีมา แต่กลับให้ร่วมกิจกรรมรับน้องและรุมทำร้าย เป็นเหตุให้นายพัสยศ หรือเปรม ชลภักดี อายุ 19 ปี นักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 1 สาขาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ เกิดหมดสติต้องรีบนำส่ง รพ.ค่ายสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา และสิ้นใจระหว่างทาง สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับพ่อแม่และญาติพี่น้อง
...
ต่อมาวันที่ 15 มี.ค. นายโฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ออกแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์เศร้าสลดที่เกิดขึ้นมีใจความว่า มหา วิทยาลัยมีนโยบายอย่างเด็ดขาดเคร่งครัดที่ห้ามมีการรับน้องไม่ว่าในสถานที่หรือนอกสถานที่ หรือการประชุมเชียร์ใดๆอย่างเด็ดขาด ตามประกาศ มทร.อีสาน เรื่องงดการจัดกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่และประชุมเชียร์ ประจำปีการศึกษา 2564 และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของนักศึกษาที่เกิดจากการกระทำของกลุ่มนักศึกษาที่ขัดกับประกาศและกฎระเบียบมหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรงยิ่ง มหาวิทยาลัย ได้ประสานตำรวจ เพื่อเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและควบคุมตัวผู้กระทำผิดเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง และดำเนินคดีถึงที่สุด
เบื้องต้นทราบว่าเหตุเกิดขึ้นในช่วงปิดภาคการศึกษา เมื่อวันที่ 13 มี.ค.65 เวลาประมาณ 23.00 น. มีผู้ร่วมกิจกรรม ปวส.ปีที่ 1 และปีที่ 2 เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 60 คน อยู่ภายนอกมหาวิทยาลัย ห่างประมาณ 10 กม. โดยมีผู้เสียชีวิตเป็นนักศึกษา ปวส.ชั้นปีที่ 1 ส่วนผู้ก่อเหตุมีประมาณ 6 ราย ต่อมาวันที่ 14 มี.ค. มหาวิทยาลัยได้นำนักศึกษาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปพบพนักงานสอบสวน และพบผู้ปกครองของนักศึกษาเพื่อดำเนินการในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องพร้อมอำนวยความสะดวกให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดและดีที่สุด
“มหาวิทยาลัยขอประณามการกระทำของนักศึกษาที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ และขอให้นักศึกษาทุกคนพึงสังวรถึงผลอันร้ายแรง และไม่พึงปรารถนาที่อาจเกิดขึ้นกับการกระทำที่ละเมิดกฎระเบียบในเรื่องนี้ และขอย้ำไม่ให้กระทำกิจกรรมที่ละเมิดกฎอย่างเด็ดขาด ขอให้ทราบว่ามหาวิทยาลัยพร้อมจะดำเนินการทางวินัยขั้นสูงสุดกับนักศึกษาที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบในเรื่องนี้อย่างแน่นอน” แถลงการณ์ระบุ
ส่วนความเคลื่อนไหวครอบครัวของนายพัสยศ หรือน้องเปรม นักศึกษาที่เสียชีวิตบริเวณบ้านเลขที่ 174 หมู่ 6 ต.กฤษณา อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ต่างอยู่ในอาการโศกเศร้า เบื้องต้นทราบจากญาติว่านายเอกชัย ชลภักดี อายุ 55 ปี และนางนิตยา ชลภักดี อายุ 42 ปี พ่อแม่น้องเปรมได้เดินทางไปติดต่อทำเรื่องขอรับศพลูกชายที่ รพ.ค่ายสุรนารี ตั้งแต่เช้า นางณรัฐนันท์ ฐานศรีละหาน อายุ 46 ปี ญาติสนิทครอบครัวผู้ตายเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้เดินทางไปดูศพน้องเปรม และสอบถามเพื่อนของน้องเปรมทราบว่า ตอนแรกผู้ตายอยู่กับเพื่อนๆ แล้วมีรุ่นพี่มาชักชวนให้ไปเตะบอลหรือเล่นกีฬา พวกน้องๆหลงเชื่อพากันออกไป มารู้ตัวทีหลังว่าเป็นการรับน้องในป่า แล้วให้ดื่มสุรา ก่อนที่พวกรุ่นน้องจะโดนรุ่นพี่ใช้หมัดต่อยเข้าไปที่อก ทำให้น้องเปรมฟุบกับพื้น เพื่อนๆที่ไปรับน้องด้วยกันช่วยหามไปส่งโรงพยาบาล แต่ก็เสียชีวิตลงระหว่างทาง จากการตรวจเลือดพบว่าน้องเปรมติดเชื้อโควิด-19 ด้วย
มีรายงานว่าก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมาญาตินักศึกษาเหยื่อรับน้องโหดพร้อมด้วยนักศึกษารุ่นพี่ที่อยู่ในเหตุการณ์วันเกิดเหตุกว่า 20 คน เดินทางไปร่วมทำพิธีเชิญดวงวิญญาณน้องเปรมบริเวณจุดรับน้องที่ทุ่งนาบ้านหนองระเวียง ต.หนองระเวียง นำน้ำดื่ม อาหาร ขนม จุดธูปบอกกล่าวดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตให้กลับบ้าน บรรดาญาติผู้เสียชีวิต รวมถึงแฟนสาวของผู้ตายที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน พากันร่ำไห้ และเข้าไปต่อว่านักศึกษารุ่นพี่ด้วยความโกรธแค้น
ที่ รพ.ค่ายสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา ช่วงสายวันเดียวกัน นายเอกชัย ชลภักดี และนางนิตยา ชลภักดี พ่อแม่ของน้องเปรม พร้อมด้วยนายสุรพจน์ วัชโรภากุล รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา และศิษย์เก่าสัมพันธ์ มทร.อีสาน เดินทางไปขอรับศพของน้องเปรม นายเอกชัยเปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวร้ายของลูกชายได้เดินทางมาจากที่ทำงาน จ.นครศรีธรรมราช เมื่อมาถึงพบกับกลุ่มรุ่นพี่ที่ร่วมกันทำร้ายร่างกายน้องเปรมมีทั้งหมด 6 คน ทุกคนยอมรับผิด และกราบเท้าขอโทษ ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกิดจากการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ ก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนไป
...
“เหตุการณ์รับน้องรุนแรงแบบนี้เคยเกิดมาแล้วหลายครั้ง เคยดูข่าวและรู้สึกเสียใจกับครอบครัวคนอื่น พอมาเจอกับตัวเองแล้วปวดใจมาก เพราะพ่อแม่ทุกคนต่างตั้งความหวังไว้กับลูก ตอนทราบข่าวน้องเปรมเสียชีวิต เสียใจจนจะเป็นลม ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับลูกชาย พ่อแม่ส่งให้ลูกไปเรียน ตั้งความหวังไว้กับลูก แต่ต้องมาพบจุดจบแบบนี้ ทำใจไม่ได้ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” นายเอกชัยกล่าว
ส่วนนางนิตยา แม่น้องเปรม ร่ำไห้ เปิดเผยว่า จากการสอบถามเพื่อนน้องเปรมเล่าให้ฟังว่า รุ่นน้องทุกคนถูกกลุ่มรุ่นพี่ต่อยหน้าอก แต่ไม่รู้ว่าลูกชายถูกต่อยมากน้อยแค่ไหน น้องเปรมถึงล้มฟุบลงไป ถือว่ารุนแรงเกินไป หากไม่ทำรุนแรงน้องเปรมคงไม่เสียชีวิต เพราะลูกชายเป็นคนมีร่างกายแข็งแรง หากโดนต่อยเพียงครั้งเดียวไม่น่าถึงกับเสียชีวิต ฝากบอกพวกรุ่นพี่ทั้งหลายว่าอย่าไปทำแบบนี้กับใครอีก อยากให้กรณีน้องเปรมเป็นรายสุดท้าย
ด้าน พ.ต.อ.คณัสนันท์ สุวรรณทรัพย์ ผกก.สภ.มะเริง ท้องที่เกิดเหตุ เปิดเผยความคืบหน้าด้านคดีว่า พนักงานสอบสวนเรียกรุ่นพี่มาสอบปากคำทั้งหมด 7 ปาก ทั้งหมดยอมรับว่าจัดกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่จริง ไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย และขอยอมรับผิด จึงแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นคือร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายกับกลุ่มรุ่นพี่ทั้ง 7 คนแล้ว ทุกคนสารภาพ ไม่คิดหลบหนี จึงปล่อยตัวไป หากสอบสวนพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องอีกก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ส่วนศพของน้องเปรมได้ส่งไปพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ กทม. เนื่องจากผู้ตายติดเชื้อโควิด-19 การผ่าศพต้องผ่าในห้องความดันลบป้องกันเชื้อกระจาย ขณะที่เรื่องการเยียวยาให้กับผู้เสียชีวิต ตำรวจจะนัดหมายทุกฝ่ายทั้งครอบครัวผู้ตาย กลุ่มรุ่นพี่ และมหาวิทยาลัยมาพูดคุยเจรจากันอีกครั้ง
...
เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่และครอบครัวผู้เสียชีวิตนำร่างของน้องเปรมไปถึงสถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อให้แพทย์ผ่าชันสูตรศพตามคำสั่งของ พ.ต.อ.คณัสนันท์ สุวรรณทรัพย์ ผกก.สภ.มะเริง นายเอกชัย พ่อน้องเปรมเปิดเผยอีกครั้งว่า ครอบครัวติดใจการเสียชีวิตของลูกชาย ที่ผ่านมายังไม่เห็นสภาพศพหรือบาดแผล ขอให้แพทย์ชันสูตรศพก่อน สำหรับลูกชายเป็นคนแข็งแรง ชอบเล่นฟุตบอล ไม่มีโรคประจำตัว ส่วนที่มหาวิทยาลัยออกชี้แจงว่าไม่ทราบเรื่องกิจกรรมรับน้องนั้น มองว่ายังไม่ชัดเจนเพียงพอ ยืนยันจะไม่ยกโทษให้กับกลุ่มที่ทำร้ายลูก และเชื่อว่ายังมีรุ่นพี่มากกว่า 6 คน
ขณะที่นายณรงค์ ผลวงษ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มทร.อีสาน ที่เดินทางไปกับครอบครัวผู้ตาย กล่าวว่า ตั้งแต่ทราบเรื่องมหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจให้ความช่วยเหลือครอบครัว ยินดีจะชดใช้และออกค่าใช้จ่ายต่างๆ ส่วนการดำเนินคดีกับรุ่นพี่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน หากตำรวจระบุว่ามีความผิดมหาวิทยาลัยมีมาตรการลงโทษสูงสุดคือไล่ออก ตอนนี้อยู่ระหว่างกระบวนการสอบสวน กลุ่มรุ่นพี่ยังมีสถานะเป็นนักศึกษา อย่างไรก็ตาม สำหรับกิจกรรมในวันเกิดเหตุกลุ่มรุ่นพี่แอบจัดขึ้น ไม่ได้แจ้งมหาวิทยาลัย มีการแบ่งเป็นฐาน ร้องเพลง และบทลงโทษคือการต่อยเข้าที่ท้องน้องเปรม ส่วนรายละเอียดเหตุการณ์ยังไม่ได้สอบถามแน่ชัด ส่วนที่มีข่าวว่ามหาวิทยาลัยเคยจัดกิจกรรมรับน้องจนมีผู้เสียชีวิตมาแล้วนั้น ยืนยันว่า ขณะดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์แห่งนี้ น้องเปรมเป็นเคสแรก
...
วันเดียวกัน เพื่อนน้องเปรมที่อยู่ในเหตุการณ์รับน้องโหด เปิดเผยระหว่างไปออกรายการโหนกระแสว่า วันดังกล่าวมีรุ่นน้องไปกัน 38 คน รุ่นพี่ 32 คน รอบแรกเป็นการเข้าฐานทำกิจกรรมที่สูงเนิน มีการร้องเพลงคลานในน้ำที่เป็นทุ่งนา รอบสองเป็นรอบเสื้อดำ เป็นการรับเสื้อดำ ให้รุ่นน้องแก้ผ้ายืนร้องเพลงเรียงแถวหน้ากระดาน ผู้หญิงไม่ถอด แต่ห้ามหันหน้าหนีต้องดูผู้ชายแก้ผ้า รอบสามให้ถอดเสื้อผ้าคลานไปหารุ่นพี่ สั่งร้องเพลง ใครร้องผิดรุ่นพี่ให้เกร็งท้องแล้วต่อยหรือถีบ เปรมโดนรุ่นพี่ต่อยท้องและอกทั้งหมด 7 คนก็ดูไม่ออกอาการ แต่จู่ๆก็ล้มลงนอน หายใจไม่ออก ปากซีด รุ่นพี่รีบพาไปโรงพยาบาลและเสียชีวิต