ลุง 67 ควงปืนบุกที่ทำงานเก่า "ฟาร์มหมูป่า" ขอซื้อหมูราคาต้นทุน หวังฉลองปีใหม่ ฉุนไม่ได้ดั่งใจ ลั่นไกยิงขู่ แถมกร่างใส่ลูกจ้างฟาร์มถาม "มึงรู้ไหมลูกกูเป็นใคร"

จากกรณี มีคลิปเผยแพร่ชายคนหนึ่งกำลังโวยวาย ชี้หน้าต่อว่าลูกจ้างฟาร์มจำหน่ายหมูป่าแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น โดยชายดังกล่าวต้องการซื้อเนื้อหมูป่าไซส์ใหญ่ในราคา 1,300 บาท แต่ทางฟาร์มไม่สามารถขายให้ได้ เนื่องจากราคาหมูพุ่งสูงถึง 2,500 บาท ก่อนที่ชายดังกล่าวจะใช้อาวุธปืนลูกโม่ที่ถือมาด้วย ยิงขู่หลายนัดจนหมดแม็ก ซึ่งชายคนดังกล่าวยังบอกกับลูกจ้างฟาร์มหมูป่าว่า "มึงจะตายด้วยน้ำมือกูเดี๋ยวนี้แหละ มึงรวยเหรอ มึงรู้ไหมลูกกูเป็นใคร"

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่ฟาร์มดังกล่าว เพื่อพบกับ นายวิทยา โพธิ์จันนา อายุ 48 ปี เจ้าของฟาร์ม เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 28 ธ.ค. 64 ขณะนั้นตนไม่อยู่ฟาร์มไปทำธุระ ที่ จ.มหาสารคาม มีเพียงลูกจ้างอยู่ คอยขายหมูป่าให้กับลูกค้า ที่เดินทางเข้ามาซื้อจำนวน 4-5 คน ก่อนที่ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 67 ปี ชายในคลิปและเป็นอดีตลูกจ้างในฟาร์ม ซึ่งลาออกไปเมื่อช่วงเดือน มี.ค. 64 เพื่อไปเปิดกิจการขายหมูเอง ได้ขับรถยนต์กระบะเข้ามาจอดที่ฟาร์ม จากนั้นยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่ และต้อนลูกน้องตน 4-5 คน ที่อยู่ในฟาร์มมารวมกัน โดยถามกับลูกน้องตนว่า สั่งหมูป่าไซส์ใหญ่ 1 ตัว ราคา 1,300 บาท สั่งมา 1-2 เดือนแล้ว แต่ลูกน้องที่ขายไม่รู้เรื่องด้วย ไม่รู้ว่าสั่งกับใคร และไม่ได้มีใครมาบอกว่าต้องขายให้ราคาเท่าไร ซึ่งราคา 1,300 บาท ที่นายเอต้องการนั้น ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะหมูป่าไซส์ใหญ่ราคาต้นทุนอยู่ที่ 2,500 บาทแล้ว

"นายเอได้สั่งซื้อผ่านแฟนตัวเอง ที่ทำงานอยู่ที่ฟาร์มของตน เพื่อจะนำไปเลี้ยงฉลองปีใหม่ ซึ่งแฟนนายเอไม่กล้าขายให้ เพราะไม่ใช่เจ้าของร้านและไม่รู้ราคา จึงทำให้นายเอไม่พอใจ ก่อนใช้อาวุธปืนไล่ยิงแฟนตัวเอง จนต้องหนีตายเข้าไปในป่าอ้อย เพื่อเอาชีวิตรอด ก่อนจะมาก่อเหตุตามคลิป ลักษณะเหมือนเตรียมการมาเป็นอย่างดี" นายวิทยา ระบุ

...

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เรียก นายเอ (ผู้ก่อเหตุ) มาไกล่เกลี่ยกับตนและลูกน้องที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้ง 4 คน ที่โรงพัก โดยได้เรียกค่าเสียหายและค่าทำขวัญเป็นเงิน 300,000 บาท แต่นายเอไม่ยอม และไม่มีท่าทีว่าจะสลดหรือกลัวแต่อย่างใด ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ และยังไม่สามารถตกลงกันได้ กระทั่งตำรวจได้เรียกพยานไปสอบสวน 2 ปาก และบอกว่าเพียงพอแล้วสำหรับการดำเนินคดี ซึ่งเวลาผ่านไปเกือบ 2 สัปดาห์เรื่องยังเงียบ คนก่อเหตุก็ยังลอยนวล

ทำให้ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนธุรกิจดำเนินการต่อไม่ได้ ลูกน้องเกิดความกลัวไม่กล้ามาทำงาน ขาดรายได้ช่วงปีใหม่กว่า 1 แสนบาท ซึ่งเป็นช่วงทำเงิน อยากฝากตำรวจ สภ.ภูเวียง อันดับแรกอยากให้เอาปืนออกจากมือนายเอก่อน เพราะลูกน้องไม่กล้ามาทำงานตั้งแต่วันเกิดเหตุที่ 28 ธ.ค. 2564 กระเจิดกระเจิงไปคนละทิศทาง งานไม่เดินตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันนี้ ธุรกิจส่งหมูแปรรูปก็หยุดชะงัก อยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและดำเนินการโดยเร็วก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์มีคนเจ็บคนตายเกิดขึ้นก่อน