สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง จ.นครราชสีมา ระดับน้ำเหนือสันอ่างลดลงอย่างรวดเร็ว เหลือน้ำวัดได้แค่ 6.8 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 24% ของความจุ 27.7 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ ผอ.โครงการชลประทานนครราชสีมา ขอโทษพี่น้องประชาชน ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำหลากท่วม ยันเป็นเหตุสุดวิสัย
เมื่อช่วงเช้า วันที่ 30 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ปริมาณน้ำเหนือสันอ่างลดลงอย่างรวดเร็ว จนมองเห็นสันดอนดินโผล่ หลังช่วง 3 วันที่ผ่านมาเกิดน้ำล้นอ่าง จนคันดินแตกชำรุดเป็นช่องโหว่กว้าง 40 เมตร มีมวลน้ำจำนวนมากกว่า 150 ล้านลูกบาศก์เมตร ถูกระบายลงด้านล่าง ขณะนี้กำลังท่วมหนักใน อ.โนนไทย อ.โนนสูง และกำลังไหลต่อไปยังพื้นที่ อ.พิมาย
...
โครงการชลประทาน จ.นครราชสีมา นำเครื่องจักรหนัก ทั้งรถบรรทุก รถแบ็กโฮ รถเครนขนาดใหญ่ เข้าพื้นที่สันอ่าง เพื่อเร่งซ่อมแซมจุดที่คันแตกชำรุด วางแผนนำก้อนหินขนาดใหญ่ใส่ตะแกรงลวดบิ๊กแบ็ก ไปอุดชั้นฐานรากและเสริมคันดินให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม โดยเร่งทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน เพื่อให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน เมื่อปิดช่องโหว่คันดินแล้วเสร็จ จะเปิดใช้งานประตูระบายน้ำคอนกรีต 4 บาน ที่ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ให้ระบายน้ำผ่านช่องทางนี้ไปก่อน
ล่าสุด ปริมาณน้ำลดลงอย่างน่าตกใจ เหลือน้ำในอ่างแค่ 6.8 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 24% ของความจุ 27.7 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือลดลงจากจุดที่เคยสูงสุดมากกว่า 140% ซึ่งปริมาณน้ำเคยแตะระดับสูงสุด 45.4 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 164% เมื่อวันที่ 27 กันยายน หรือเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ชาวบ้านหวั่นเกรงว่าจะไม่เหลือน้ำไว้ใช้ประโยชน์ทั้งอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร
ขณะที่ นายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครราชสีมา กล่าวว่า ขอโทษพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำลำเชียงไกรหลากท่วม แต่เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ มีมวลน้ำจำนวนมากเกินศักยภาพของอ่างฯจะรับไหว หลังจากนี้จะเร่งซ่อมแซมปิดช่องโหว่คันดินให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่คาดการณ์ว่าจะมีพายุฝนตกลงมาซ้ำอีก.