ศพ "สุรภักดิ์" คนขับ BMW Z4 ถึงบ้านเกิดแล้วท่ามกลางความโศกเศร้าอาลัย พี่ชายวอนสังคมอย่าด่วนตัดสิน อุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิด พร้อมรับผิดชอบคู่กรณี แจง ครอบครัวไม่ใช่เศรษฐี เป็นแค่ข้าราชการ

จากกรณี นายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง หรือตุ้ม อายุ 50 ปี ชาว จ.บึงกาฬ อดีตแกนนำกลุ่มเสรีปัญญาชน และอดีตโปรแกรมเมอร์ ผู้ต้องหาที่ถูกแจ้งความในคดีโพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง ผู้ขับขี่รถยนต์สปอร์ต ยี่ห้อ BMW รุ่น Z4 เสียหลักข้ามเกาะชนกับรถยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสวิฟท์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ เหตุเกิดบนทางหลวงหมายเลข 21 สายสระบุรี-หล่มสัก บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 180-181 หมู่ 7 ต.ห้วยโป่ง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ฝั่งขาเข้า จ.เพชรบูรณ์ ญาติๆ ได้นำร่างกลับถึงบ้านเกิดที่ จ.บึงกาฬ แล้วท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติ พี่ชายตำหนิสื่อดังบางสื่อที่พิพากษาให้ร้ายน้องชายที่ไม่รับผิดชอบในหน้าที่คนขับ ทำให้เกิดอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดบึงกาฬว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วานนี้ (14 มิ.ย.) รถสมาคมอาสาสมัครร่วมกตัญญูเพชรบูรณ์ได้นำร่างของ นายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง กลับถึงบ้านเกิดแล้ว ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของแม่และพี่ๆ และญาติๆ ซึ่งกำหนดเดิมนั้นทางหน่วยกู้ภัยอำเภอหนองไผ่จะนำร่างส่งถึงบ้านเกิดที่ หมู่ 2 บ้านนาสวรรค์ ตำบลนาสวรรค์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ เวลา 18.00 น. แต่เนื่องจากระยะทางที่ไกล จากทางภาคเหนือจังหวัดเพชรบูรณ์มาถึงจังหวัดบึงกาฬ เกือบ 600 กิโลเมตร ประกอบกับเป็นฤดูฝนจึงไม่สามารถวิ่งมาตามกำหนดได้

...

เมื่อนำร่างถึงหน้าบ้านมี นางจรูญรักษ์ พินาธุวงค์ อายุ 52 ปี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ พี่สาวได้นำดอกไม้ธูปเทียนมาเชิญร่างไร้วิญญาณเข้าบ้าน ทั้งร้องไห้เสียใจอาลัยน้องชายอยู่ตลาดเวลา ส่วนนางแต้ม ภูไชยแสง อายุ 77 ปี ผู้เป็นแม่ถูกหลานๆ พาไปอยู่ในอีกห้อง เพื่อไม่อยากให้เห็นภาพสะเทือนใจ กลัวทำใจไม่ได้ ซึ่งทั้ง 2 แม่ลูกรักกันมาก ครั้งหนึ่งเคยต่อสู้เรื่องอุดมการณ์มาด้วยกัน เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งจึงนำตัวออกมาดูศพลูกชาย โดยต้องมีหลานๆ คอยพยุงตัวตลอด เพราะปกติเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็นอยู่แล้ว และขอเปิดดูสภาพด้านใน แต่มีญาติห้ามไว้ เพราะเจ้าหน้าที่ รพ.หนองไผ่ ใช้ถุงห่อศพซีลมาอย่างดีแล้ว

นายภูริทัต ภูไชยแสง ผอ.ร.ร.บ้านท่าสะอาด อ.เซกา พี่ชายของผู้ตาย กล่าวว่า ขอตำหนิสื่อบางแห่งที่วิจารณ์น้องชายว่าเป็นคนไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ เพราะขณะขับรถมีความคึกคะนองจนเกิดความประมาทอย่างร้ายแรง ขับรถเร็วโดยไม่คำนึงถึงเพื่อนร่วมทางทำให้เกิดอุบัติเหตุ และมีผู้เสียชีวิตรวมทั้งตัวเองด้วยในครั้งนี้ ซึ่งปกติแล้วคนขับไม่มีใครอยากจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะอนาคตก็ยังมี โดยประเด็นการไลฟ์สดของเพื่อนสาวที่เดินทางไปด้วยนั้น ก็เป็นการไลฟ์สดแต่ช่วงเช้า ซึ่งบรรยากาศบนภูเขามีเมฆหมอกและเมฆฝน 2 ข้างทาง แต่ช่วงเวลาเกิดเหตุซึ่งเป็นเวลาที่ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงแล้ว และกำลังจะเข้าตัวอำเภอหนองไผ่ เป็นช่วงเวลาบ่าย 2 และถนนก็เป็นทางตรง แต่ว่าสภาพถนนไม่ดีประกอบกับมีฝนตกน้ำขังทำให้รถเสียหลักข้ามถนนไปชนคู่กรณีถึงแก่ชีวิตทั้ง 2 ราย

พี่ชายของผู้ตาย กล่าวว่า คู่กรณีทั้ง 2 รายนั้นญาติๆ ก็ได้มารับศพออกจากโรงพยาบาลพร้อมๆ กัน ตนเองก็ได้กล่าวแสดงความเสียใจและต้องขอโทษทางญาติๆ ผู้เสียชีวิตทั้งสองด้วย เนื่องจากเป็นอุบัติเหตุซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ญาติ 2 สาวนั้นก็ยอมรับว่าอาจจะเป็นกรรมเวรซึ่งกันและกัน ที่บังเอิญได้มาบรรจบพบกันอยู่จุดนี้ และก็ได้แจ้งกับตนว่าไม่ต้องห่วงเรื่องการดำเนินการค่าใช้จ่าย ทางญาติฝ่ายนั้นก็จะได้ดำเนินการออกไปก่อน ซึ่งตนเองก็แสดงความรับผิดชอบไปบางส่วน โดยได้มอบเงินช่วยค่าทำศพไปเบื้องต้นแล้ว ส่วนผลประโยชน์ของน้องทั้งสองคนที่เสียชีวิตในรถเก๋งของคู่กรณีนั้น ตนก็จะดำเนินการกับบริษัทประกันภัยให้กับญาติน้องทั้งสองคนควรจะได้รับ ซึ่งยังไม่รู้ว่าน้องชายได้ทำประกันไว้กับบริษัทไหน ก็ขอเวลาค้นหาเอกสารหน่อย

...

"กรณีที่มีสื่อบางสำนักกล่าวหาว่าน้องชายเป็นลูกคุณหนู พ่อแม่เลี้ยงดูมาอย่างสบายนั้น ไม่เป็นความจริง โดยครอบครัวของพวกตนนั้นส่วนมากน้องๆ รวมทั้งตัวเองด้วยก็จะรับราชการทั้งหมด ยกเว้นน้องชายผู้ตายที่ทำงานอิสระ เป็นโปรแกรมเมอร์ รับออกแบบวางระบบการทำงานให้กับบริษัทห้างร้าน หรือหน่วยงานราชการต่างๆ ที่มาจ้าง หลังจากรับเงินค่าแรงแล้วก็มักจะกินเที่ยวไปตามประสาคนหนุ่มที่ไม่มีภรรยา หรือครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ แต่ยอมรับว่าน้องผู้ตายก็ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย ไม่คิดหน้าคิดหลัง มีเท่าไรก็ใช้ไป บางทีเงินหมดก็ต้องมายืมพี่ๆ แล้วเมื่อทำงานได้เงินก็ส่งมาคืน เขาก็รับผิดชอบตัวเองได้ดี เป็นคนรักครอบครัวรักแม่ และก็หลานๆ ซึ่งเขารับผิดชอบส่งเสียให้เรียน เพื่อจะได้ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์เหมือนเขา" นายภูริทัต กล่าว

...

พี่ชายของผู้ตาย กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นเรื่องรสนิยมการชอบพอสาวๆ พริตตี้ นั้น ก็เป็นความชอบส่วนตัวของเขาเอง เขาคิดว่าเขาไม่มีภาระ เมื่อมีเงินก็ใช้จ่ายไป ซื้อหาความสุขตัวเองไปเรื่อยๆ และครอบครัวทางบ้านก็ไม่ได้มีเงินทองอะไรมากมายเหมือนหลายสื่อที่นำเสนอไปแล้วว่าเป็นเศรษฐีมีเงินร้อยล้าน ก็อย่างที่บอกครอบครัวข้าราชการ ไม่ถึงกับว่าจนหรือไม่ถึงกับว่ารวย ก็พอมีกินมีใช้ไปเป็นเดือนๆ เท่านั้น เบื้องหลังชีวิตของน้องชายก็เป็นเด็กบ้านนอกเมื่อเดินทางเข้าไปอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ต้องดิ้นรนต่อสู้ทุกอย่างทั้งการเรียน จบมาก็หาการงานหาเงิน

นายภูริทัต กล่าวถึงกรณีที่ผู้ตายเคยโดนดำเนินคดีจนต้องขึ้นศาลติดคุกว่า ในช่วงชีวิตหนึ่งก็ได้ไปร่วมในกลุ่มของคนเสื้อแดง และได้พาแม่คือนางแต้ม ภูไชยแสง อายุ 77 ปี ไปร่วมเดินขบวนด้วยบางครั้ง เพราะเขาเป็นคนมีอุดมการณ์สูง จนถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในมาตรา 112 เมื่อปี 2553 ซึ่งได้ต่อสู้ความจริงเรื่อยมาว่าถูกกล่าวหาใส่ร้าย ไม่เป็นความจริงตามที่กล่าวหา ถึงทำให้ศาลได้เห็นข้อเท็จจริงและเมตตาตัดสินยกฟ้องทั้ง 3 ศาล ชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา และเป็นพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงโปรดอภัยโทษให้ จึงติดคุกอยู่ 18 เดือน ทรัพย์สินทุกอย่างที่มีอยู่ทั้งคอมพิวเตอร์และโต๊ะที่ทำงาน เครื่องมือทำมาหากินก็ถูกเจ้าหน้าที่ยึดไปหมด

...

"เมื่อออกมาจากคุกเป็นอิสระ ตัวน้องชายจึงได้เริ่มประกอบสัมมาอาชีพที่ตนถนัดเป็นโปรแกรมเมอร์ ในการสร้างฐานะตัวเองเรื่อยมาจนมีเงินพอกินพอใช้ โดยเจ้าตัวก็มีความตั้งใจว่า ประมาณเดือนตุลาคมปีนี้จะสร้างบ้านหลังใหม่ให้แม่ที่บึงกาฬ ให้อยู่อย่างสบายเพราะบ้านที่อยู่ปัจจุบันนี้ แม่ได้อาศัยอยู่กับพี่สาว ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ อยู่กับครอบครัวและหลานๆ เป็นบ้านมรดกเก่าแก่ 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ ได้มาดูบ้านพร้อมกับเตรียมแปลนบ้านแล้ว แต่มาเสียชีวิตเสียก่อน" พี่ชายผู้ตาย กล่าว

ส่วนวันที่จะประกอบพิธีฌาปนกิจนั้น นายภูริทัต กล่าวว่า คิดว่าน่าจะเป็นวันพุธ หรือพฤหัสบดีนี้ หรือวันที่ 16 หรือ 17 มิ.ย. ต้องดูประเพณีของชุมชนหมู่บ้านก่อน โดยเฉพาะช่วงนี้อยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงต้องทำพิธีอย่างระมัดระวัง ให้ถูกต้องตามระเบียบของสาธารณสุข โดยมีเครื่องวัดอุณหภูมิ มีเจลแอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัยปิดปากไว้บริการสำหรับญาติหรือแขกเหรื่อผู้มาร่วมงานในวันงาน ซึ่งจะทำการที่วัดบ้านนาสวรรค์ ตำบลนาสวรรค์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ.