อีสานโพล เผย คนอีสานร้อยละ 66.4 พร้อมฉีดวัคซีน ส่วนคนที่ไม่กล้าฉีดขอรอ "ไฟเซอร์" กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นว่าโควิดระลอก 3 เกิดจากการบริหารจัดการของรัฐบาลเป็นหลัก ไม่คุมเข้มในช่วงสงกรานต์

วันที่ 2 มิ.ย. ผศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. เปิดเผยว่า จากการสำรวจเรื่อง "คนอีสานกับโควิดระลอก 3" ที่เป็นการสำรวจความคิดเห็นคนอีสานต่อเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,122 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัดภาคอีสาน

กลุ่มตัวอย่างเห็นว่า โควิดระลอก 3 เกิดจากการบริหารจัดการของรัฐบาลเป็นหลัก การที่ไม่คุมเข้มในช่วงสงกรานต์ มีผลต่อการควบคุมการระบาด 2 ใน 3 พร้อมฉีดวัคซีนที่รัฐจัดหาให้ ส่วนกลุ่มที่ยังไม่กล้าฉีดต้องการฉีดไฟเซอร์ แอสตราเซเนกา และโมเดอร์นา ตามลำดับ ส่วนใหญ่รายได้ลดลงมากเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี ต้องการให้รัฐฉีดวัคซีนให้มีภูมิคุ้มกันหมู่ให้เร็วที่สุด ขอเงินเยียวยาเพิ่ม และลดรายจ่ายของรัฐที่ไม่จำเป็น โดยรวมมีความพึงพอใจปานกลางถึงน้อยที่สุดในการการแก้ปัญหาโควิดและการจัดหาวัคซีนของรัฐ

"เมื่อสอบถามว่า ท่านคิดว่าการระบาดของโควิดระลอก 3 เป็นเพราะสาเหตุใดเป็นหลัก พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 46.4 ชี้ว่าเกิดจากการบริหารจัดการของรัฐบาลเป็นหลัก รองลงมา คือ ร้อยละ 35.2 เกิดจากการทำงานของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเป็นหลัก และร้อยละ 18.4 เกิดจากประชาชนบางส่วนที่ไม่มีวินัย ขณะที่มาตรการคุมเข้มในช่วงสงกรานต์มีผลต่อการควบคุมการระบาดมากน้อยเพียงใด พบว่า คนอีสานตอบว่า มากที่สุด ร้อยละ 18.7 รองลงมาคือ ร้อยละ 30.5, ปานกลาง ร้อยละ 37.9 ตอบว่าน้อย ร้อยละ 9.3 และตอบว่า น้อยที่สุด ร้อยละ 3.5"

...

ส่วนข้อสอบสอบถามว่า ท่านพร้อมจะฉีดวัคซีนหรือยังตามที่รัฐบาลจัดหาวัคซีนให้ พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 66.4 ตอบว่า พร้อมฉีดหรือฉีดแล้ว ขณะที่ ร้อยละ 33.6 ตอบว่า ยังไม่กล้าฉีด และเมื่อสอบถามเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่กล้าฉีดว่า หากเลือกได้ท่านต้องการฉีดวัคซีนยี่ห้อใดมากที่สุด พบว่า อันดับหนี่ง 1 ร้อยละ 46.9 เลือกไฟเซอร์ รองลงมา ร้อยละ 17.0 เลือกแอสตราเซเนกา ตามมาด้วยร้อยละ 11.5 เลือก โมเดอร์นา ร้อยละ 9.4 เลือก จอนห์สัน แอนด์ จอนห์สัน ร้อยละ 8.5 ระบุ อะไรก็ได้ที่รัฐจัดหาให้ ร้อยละ 3.1 เลือก ซิโนฟารม์ ร้อยละ 1.9 เลือก สปุตนิก วี และร้อยละ 1.7 เลือก ซิโนแวค

กับคำถามที่ระบุว่า ต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษกิจช่วงโควิดอย่างไรมาก พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 48.1 ต้องการให้ฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด รองลงมา ร้อยละ 24.0 ขอให้แจกเงินเยียวยาเพิ่ม ตามมาด้วย ร้อยละ 10.1 ขอให้ลดรายจ่ายภาครัฐที่ไม่จำเป็น ร้อยละ 9.4 ช่วยให้มีการจ้างงาน ร้อยละ 4.5 ขอเงินกู้สำหรับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ร้อยละ 3.1 ขอเงินกู้สำหรับคนที่เป็นหนี้นอกระบบ และความเห็นอื่นๆ ร้อยละ 0.8 และสุดท้ายเมื่อสอบถามว่า ท่านพึงพอใจในการแก้ปัญหาโควิดและการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลมากน้อยเพียงใด พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ให้คะแนนอยู่ในช่วงปานกลางถึงพอใจน้อยที่สุด แยกเป็น พอใจปานกลาง ร้อยละ 38.6 พึงพอใจน้อย ร้อยละ 24.6 พึงพอใจน้อยที่สุด ร้อยละ 24.3 ขณะที่มีกลุ่มที่ให้คะแนนพึงพอใจมาก ร้อยละ 11.5 ขณะที่ความพอใจมากที่สุด อยู่ที่ร้อยละ 1 เท่านั้น.