แม่น้องชมพู่เปิดใจ หลังลุงพลถูกตำรวจออกหมายจับ ระบุสงสัยลุงพลแต่แรก และอยากบอกน้องชมพู่ว่า ลูกได้รับความยุติธรรมแล้ว

จากกรณีศาลจังหวัดมุกดาหาร อนุมัติหมายจับกุม นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา คดีฆ่าน้องชมพู่ เพราะมีหลักฐานพยานชัดเจน โดยชุดสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขออำนาจศาลจังหวัดมุกดาหาร พิจารณาออกหมายจับใน 3 ข้อหา คือ พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดามารดา, ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตนโดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแลเป็นเหตุให้เด็กนั้นถึงแก่ความตาย และ กระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนชันสูตรเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป โดยศาลพิจารณาแล้วจึงอนุมัติหมายจับที่ 53/2564 ลงวันที่ 1 มิ.ย. 2564

ล่าสุดในวันคืนวันที่ 2 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้ไปขอสัมภาษณ์นาง สาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ ซึ่งเปิดใจว่า ทันทีที่ตนทราบว่าลุงพลตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ส่วนตัวมองว่า คนๆ นี้ควรจะมีความเมตตาสงสารน้องชมพู่ มากกว่าคนอื่นที่ไม่เคยรู้จัก แต่ในเมื่อผู้ร้ายเป็นคนรู้จักหรือญาติ ตนคิดว่าเขาควรจะมีความเมตตาต่อเด็ก ทั้งที่เขาเป็นคนในครอบครัว

ส่วนตัวเชื่อว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 63 น้องชมพู่ยังไม่เสียชีวิต ซึ่งวินาทีนั้น น้องคงร้องไห้ อ้อนวอน ทุกวิถีทาง เพื่อจะกลับบ้านมาหาพ่อแม่ ทำไมคนที่เป็นญาติ ทำไมไม่พาน้องมาเจอพ่อแม่ คุณไม่มีจิตสำนึกต่อเด็กเลยหรือ สาเหตุที่ในอดีตตนเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าสงสัยลุงพล เนื่องจากตนได้พยายามอะไรหลายๆอย่างแต่ลุงพลไม่ยอมฟัง และการให้ข่าวกับสื่อของลุงพล มีลักษณะพูดกลับไปกลับมา เช่นเคยบอกว่า ลุงพลมาเติมลมรถที่บ้านแล้วน้องชมพู่ร้องตามลุงพล ถ้าเอาน้องไปด้วยคงไม่ตาย สิ่งนี้คือครั้งแรกที่เขาให้สัมภาษณ์ จากนั้นก็ออกมาแก้ข่าว ว่าจำวันผิด

...

นางสาวิตรีกล่าวต่อว่า ในกรณีที่พระอาจารย์บุญมาออกมาให้ข่าว ลุงพลก็ออกมาให้ข่าวโต้พระอาจารย์บุญมา พ่อแบมออกมาพูดเขาก็ออกมาโต้พ่อแบม และตำรวจก็ไม่ได้สอบสวนแค่ลุงพลคนเดียว ตำรวจสอบสวนคนทั้งหมู่บ้าน รวมทั้งตนเองและนายอนามัยด้วย ตนอยากฝากถึงสังคม ในฐานะที่ตนเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฆ่าลูกตัวเองว่า ตนเลือกที่จะนิ่ง และปลง ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนตอนนั้น และยอมรับว่าชดใช้กรรมที่ถูกสังคมด่า และลุงพล เขาต้องชดใช้กรรมในสิ่งที่ทำกับน้องขมพู่

ตนอยากบอกกับชมพู่ว่า ลูกได้รับความยุติธรรมแล้วนะ และพ่อกับแม่ทำให้สังคมรู้ว่า เราไม่ทำร้ายลูก เราไม่ฆ่าลูก ลูกที่ตนรอคอยให้เกิดในท้อง อยากให้สังคมมองครอบครัวตนใหม่ด้วย ตนอยากขอบคุณ ผบ.ตร. ที่ให้โอกาสดีๆ กับตนเอง และคลี่คลายคดีนี้

นางสาวิตรีเล่าอีกว่า วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดตนเอง และตนรู้สึกว่าตนได้รับพรวิเศษ เป็นของขวัญชิ้นใหญ่ ที่ตำรวจมอบความยุติธรรมให้ครอบครัวตนเอง ถ้าผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ตนไม่มีความรู้เรื่องกฏหมาย ต้องปรึกษาผู้ที่มีความรู้ในด้านนี้ก่อน ตนเชื่อว่าต้องมีคนอยากให้ความช่วยเหลือตนเองบ้าง ตนเคยบอกผู้ต้องหาก่อนหน้านี้แล้วว่า ใครที่ทำอะไรไว้ ก็ให้มอบตัว โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา แต่ตอนนี้คุณไม่มีโอกาสนั้นแล้ว

นางสาวิตรียังยอมรับว่าตนเองกังวล ที่ผู้ต้องหาเขามีทนายความส่วนตัวเป็นทนายฝีมือดี แต่ตนก็เชื่อว่าหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมไว้ จะเอาสามารถเอาผิดคนร้ายได้ ชมพู่เป็นเด็กที่บริสุทธิ์ ตนก็อยากให้ลูกไปสู่สวรรคต ส่วนเรื่องการหาทนายส่วนตัว ตนจะต้องปรึกษากับตำรวจและครอบครัวอีกครั้ง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง