เสาวรสอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ทั้งวิตามินซี เอ บี 2 บี 3 กรดโฟลิก แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม สังกะสี และคาร์โบไฮเดรต รวมถึงใยอาหารปริมาณสูง สารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ชะลอการเกิดริ้วรอย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา ลดความเสี่ยงโรคกระดูกเสื่อมและกระดูกหัก ลดไขมันในเลือด ช่วยรักษาอาการหอบหืดแต่พันธุ์ที่นิยมปลูกกันอยู่จะมีรสชาติเปรี้ยวถึงเปรี้ยวมาก...จนกินสดไม่ได้ ส่วนใหญ่จึงนำมาแปรรูปเป็นน้ำเสาวรสเพื่อสุขภาพ ทั้งน้ำเสาวรสเดี่ยว และผสมกับผลไม้ชนิดอื่น แต่วันนี้มีเสาวรสพันธุ์ใหม่ที่โดดเด่นรอบด้าน รสชาติหวาน อร่อย ละมุนกว่าไทนุง นั่นคือพันธุ์...หม่านเทียนซิน“เป็นสายพันธุ์มาจากไต้หวัน ด้วยเปลือกออกสีชมพูอมม่วง ยามเมื่อออกลูกจะให้ผลดกมาก มองแล้วเหมือนดวงดาวสกาวเต็มท้องฟ้า จึงเป็นที่มาของชื่อ หม่านเทียนซิน นอกจากรสชาติหวานกว่าพันธุ์อื่นแล้ว ยังติดผลดก ผลขนาดใหญ่ เนื้อเยอะ เติบโตได้ดีในบ้านเรา เมื่อปีที่แล้ว ผมและสวนสุชาดารีสอร์ท ได้นำเสาวรสพันธุ์นี้เข้ามาปลูก เริ่มต้นจากปลูกไร่เดียว ตอนนี้ขยายกิ่งตอนไว้ เตรียมขยายพื้นที่ปลูกต่อไป” ณัฏฐวุธ กลางอรัญ หรือที่คนวงการเกษตรรู้จักดีในชื่อ “น้าอ้วน บ้านเกษตรพอเพียง” ที่ปรึกษาด้านการเกษตรของสุชาดารีสอร์ท อ.วังน้ำเขียว ต.ไทยสามัคคี จ.นครราชสีมา เล่าถึงความน่าสนใจของเสาวรสพันธุ์นี้โดยปกติเสาวรสเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้ตั้งแต่พื้นราบไปกระทั่งพื้นที่สูงจากระดับน้ำ...จากการทดลองปลูกเมื่อปีที่แล้ว พันธุ์หม่านเทียนซิน ยิ่งตอบโจทย์การปลูกง่ายเข้าไปอีก เพราะแทบจะไม่ต้องดูแลอะไรเลย ใส่แค่ปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 เดือนละครั้ง ครั้งละ 150 กรัมต่อต้น โรคแมลงก็ไม่ค่อยมีรบกวน ที่สำคัญตอบโจทย์ในเรื่องรสชาติหวานหอมอมเปรี้ยว ทำให้ผู้รักสุขภาพทั้งหลายสามารถกินสดได้เลย เมื่อนำมาทำน้ำเสาวรส ไม่ต้องเติมน้ำตาลแต่อย่างใดต่างจากเสาวรสทั่วไปที่ต้องใช้น้ำตาลหรือน้ำเชื่อม มาช่วยกลบความเปรี้ยวหม่านเทียนซินเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมของเมืองไทย ออกดอกและให้ผลผลิต เมื่อมีอายุประมาณ 4-5 เดือนหลังปลูก อายุ 5-6 เดือน ลูกจะติดดกเต็มค้าง การปลูกควรให้มีระยะปลูก 2-3 เมตร ค้างเสาวรสต้องแข็งแรงเพียงพอให้สามารถใช้งานได้อย่างน้อย 3 ปี ค้างแบบรั้วตั้งและแบบตัวที พื้นที่เลี้ยงเถาให้เลื้อยมีจำกัด ต้องเพิ่มการตัดแต่งมากกว่าปกติ ฉะนั้นค้างแบบเป็นผืนใหญ่เต็มพื้นที่จึงเหมาะมากกว่า เนื่องจากมีพื้นที่เลี้ยงเถามาก ไม่ต้องเสียเวลาเลี้ยงและตัดแต่งเถามาก นอกจากนี้ยังทำได้ง่ายและแข็งแรง ด้วยเป็นเสาวรสที่รสชาติอร่อยโดดเด่นกว่าสายพันธุ์อื่น จึงเป็นที่ชื่นชอบของคนที่ได้ชิม ทั้งจากนักท่องเที่ยว และผู้มาเยือน ทำให้ผลผลิตที่ขายอยู่หน้าสวนที่ กก.ละ 100-150 บาท ไม่พอจำหน่ายนอกจากจะปลูกเพื่อเก็บลูกขายแล้ว ยังได้ความสวยงามสุกสกาวเหมือนดาวเต็มท้องฟ้า สวนแห่งนี้จึงกลายเป็นที่เซลฟี่ เช็กอิน ของผู้มาเยือน จนกลายเป็นเหมือน สโลแกน ใครมาสุชาดารีสอร์ท ต้องมาเซลฟี่กับเสาวรสใครสนใจ ชมรมสื่อเกษตรดิจิทัลและเอสเอ็มไทย จะพาไปชมและชิมเสาวรสหม่านเทียนซินถึงแปลงปลูก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ 08-9783-5887 หรือ 09-3697-1456.กรวัฒน์ วีนิล