อดีตครูชำนาญการพิเศษระดับ 8 โร่แจ้งความ เงินบำเหน็จตกทอดร่วม 3 แสนบาท หายจากบัญชี พบพิรุธใบถอนเงิน ตัวหนังสือ ตัวเลขจำนวนเงิน วันที่ ลายเซ็น ไม่ตรงกัน ผกก.สั่งสอบข้อเท็จจริงทันที
เวลา 11.00 น. วันที่ 22 พ.ค. ที่ สภ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น นายทองอินทร์ เวหา อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 ม.14 ต.ในเมือง อ.เวียงเก่า จ.ขอนแก่น พร้อมลูกชายและลูกสะใภ้ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ภพกร กวินโยธิน ผกก.สภ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น และ พ.ต.ท.บรรลุ สินนา สว.(สอบสวน) สภ.หนองเรือ เพื่อมอบหลักฐาน ซึ่งเป็นเอกสาร สเตทเมนต์ของธนาคารกรุงไทย สาขาหนองเรือ และให้ปากคำกรณีเงินหายจากบัญชี
นายทองอินทร์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงรายละเอียดทั้งหมดว่า เคยรับราชการครู ในตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษระดับ 8 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5 (สพป.ขอนแก่น เขต 5) แต่ในปี 2554 ได้ลาออกจากราชการ และในขณะที่เข้ารับหนังสืออนุมัติการลาออก ที่สำนักงานเขตฯ เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานแจ้งว่า หลังลาออกจากราชการแล้ว เมื่ออายุครบ 65 ปี จะได้รับเงินบำเหน็จตกทอดประมาณ 2 แสนบาท จึงได้จำคำที่เจ้าหน้าที่แจ้งไว้
จนเมื่ออายุครบ 65 ปี ย่างเข้า 66 ปี จึงได้เดินทางไปที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 5 ในวันที่ 28 เมษายน 2563 เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงเงินบำเหน็จตกทอด ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่า เงินบำเหน็จตกทอด จำนวน 200,000 บาท กรมบัญชีกลางโอนเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 9 เดือน 9 ปี 2554 และเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวยังได้เปิดให้ดูรายละเอียดการรับโอนเงินเข้าบัญชีจากกรมบัญชีกลาง จึงทำให้รู้ว่ามีเงินบำเหน็จตกทอดจำนวน 200,000 บาท เข้าบัญชีตัวเองจริง แต่ไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว เจ้าหน้าที่จึงให้ไปขอสเตทเมนต์ และตรวจสอบที่ธนาคารกรุงไทยสาขาหนองเรือ เพื่อจะได้ทราบข้อเท็จจริงของเงินที่โอนเข้าบัญชี
...
เมื่อไปที่ธนาคาร และขอสเตทเมนต์ ก็พบเงินเข้าบัญชีจริง แต่มีการเบิกเงินออกจากบัญชีผ่านการกดเอทีเอ็ม วันที่ 9 เดือน 9 ปี 2554 จำนวน 2 ครั้ง วันที่ 10 เดือน 9 ปี 2554 จำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 20,000 บาท เป็นเงิน 80,000 บาท ต่อมาวันที่ 23 เดือน 9 ปี 2554 กรมบัญชีกลาง โอนเงินเข้าบัญชี จำนวน 81,756.00 บาท และในวันเดียวกันก็มีการถอนเงิน โดยการเขียนใบถอนเงินจากธนาคาร ลงวันที่ 3 กันยายน 2554 แต่ประทับตราอนุมัติจ่ายเงินวันที่ 23 กันยายน 2554
นอกจากนั้นยังพบว่า วันที่ 21 เดือน 10 ปี 2554 กรมบัญชีกลางได้โอนเงินเข้าบัญชี จำนวน 16,351.20 บาท จึงได้สอบถามกับทางธนาคาร ถึงการเบิกเงินทั้งการกดเอทีเอ็ม และการเขียนใบเบิกว่า มีการเบิกถอนได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่า มีการกดเอทีเอ็ม และโอนเงินเข้าบัญชีของ นางชื่นจิตร บรรทะโก อายุ 38 ปี ซึ่งก็คือลูกสะใภ้ตน ที่ทำงานรับราชการอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อทราบข้อมูลจากธนาคาร จึงได้แจ้งปัญหาให้ลูกชายและลูกสะใภ้ ที่จังหวัดอุบลราชธานีทราบเรื่อง ก่อนมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำในครั้งนี้
"ขณะที่เจ้าหน้าที่ธนาคารขอร้องไม่ให้แจ้งความ และรับปากว่าจะตรวจสอบให้ แต่เจ้าหน้าที่บางคนบอกว่า ให้แจ้งความ เพื่อจะได้มีการตรวจสอบที่ไปของเงินที่หายจากบัญชีธนาคาร" นายทองอินทร์ กล่าว
ทางด้าน พ.ต.อ.ภพกร กวินโยธิน ผกก.สภ.หนองเรือ กล่าวหลังจากทราบรายละเอียด ว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวน ทำการสอบปากคำ นายทองอินทร์ เวหา อายุ 66 ปี ผู้เสียหายและให้ทำหนังสือถึง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5 เพื่อขอสอบปากคำเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี และขอทราบรายละเอียดขั้นตอนการจ่ายเงินบำเหน็จตกทอดที่กรมบัญชีกลางให้กับบุคลากรที่ลาออกจากราชการ จากนั้นให้สอบปากคำสมุห์บัญชี และผู้จัดการธนาคารกรุงไทย สาขาหนองเรือ รวมถึงสอบปากคำเจ้าหน้าที่ธนาคาร ซึ่งเป็นเจ้าของลายเซ็นในใบถอนเงิน เนื่องจากว่า วันที่ไม่ตรงกัน จำนวนเงินที่เขียนเป็นตัวหนังสือกับตัวเลขไม่ตรงกัน และการถอนเงินก็เป็นการใช้เอกสารที่เป็นใบขับขี่รถยนต์
ผกก.กล่าวอีกว่า การตรวจสอบตามเอกสารที่ผู้เสียหายได้มาจากธนาคาร ในเบื้องต้นพบว่า กดเอทีเอ็ม โอนเงินเข้าบัญชี 301034 314006 ซึ่งเป็นบัญชีเดียวกัน ตู้เอทีเอ็ม สาขา 428 รวม 4 ครั้ง ทั้งหมดนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน ทำการตรวจสอบไทม์ไลน์ที่ไปของเงินในบัญชีของผู้เสียหาย เมื่อรายละเอียดครบถ้วนก็น่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่าเงินหายไปไหน
ขณะที่ นางชื่นจิตร บรรทะโก อายุ 38 ปี ลูกสะใภ้ของผู้เสียหาย ซึ่งเดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า รับราชการฝ่ายจัดเก็บรายได้ประจำ อบต.แห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี มีสมุดบัญชีหลายธนาคาร แต่ไม่มีบัญชีที่ตรงกับบัญชีที่มีการโอนเงินเข้า เมื่อทราบเรื่องจากพ่อสามี ก็ลาราชการเพื่อเดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน และยินดีให้ตรวจสอบบัญชีธนาคารทุกธนาคาร ในขณะเดียวกันก็อยากให้มีการตรวจสอบ สอบสวนหาตัวคนที่เบิกถอนเงินของพ่อสามีมาดำเนินคดีด้วย