ผบช.ภ.4 ยันคดีแก๊งครูหื่นข่มขืนนักเรียน คืบหน้า 70 เปอร์เซ็นต์รอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ดีเอ็นเอ เตือนหากรู้ผู้ต้องหาข่มขู่คุกคามเด็กทำเรื่องขอถอนประกันทันที ส่วน กมว.สั่งพักใช้ใบอนุญาตครูฉาว พร้อมตั้งกรรมการสอบ หากผิดจริงเพิกถอนใบอนุญาตและขึ้นบัญชีดำไม่ให้กลับมาเป็นครู “ทิชา” จี้ รมว.ศึกษาธิการลงพื้นที่ให้กำลังใจเด็กและครอบครัว ชี้ยังมีครู นักเรียน และคนในพื้นที่มองเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการประจานโรงเรียน
สังคมเฝ้าจับตาการสอบสวนดำเนินคดีแก๊งครูโรงเรียนดงมอนวิทยาคม อ.เมืองมุกดาหาร 5 คน ร่วมกับศิษย์เก่าอีก 2 คน ข่มขืนกระทำชำเรา ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 และ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 นานกว่า 1 ปี ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ชิงเข้ามอบตัวพร้อมให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และได้ประกันตัวออกไปหลังตำรวจส่งไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เกรงว่าผู้เสียหายและครอบครัวจะถูกข่มขู่คุกคาม หรือทำให้เสียหายต่อรูปคดี ส่วนแก๊งครูฉาวถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน รวมทั้ง ผอ.โรงเรียน ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยด้วยหรือไม่
ความคืบหน้าการสอบสวนคดีแก๊งครูฉาวข่มขืนลูกศิษย์ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 พ.ค. ที่ห้องประชุม บก.ภ.จ.มุกดาหาร พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4 เปิดเผยภายหลังประชุมกับ พล.ต.ต.อรรคพล พิมลศิริ ผบก.ภ.จ.มุกดาหาร และทีมพนักงานสอบสวนในคดีว่า ได้สอบปากคำไปได้ 60-70 เปอร์เซ็นต์ ต้องรอผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ผลตรวจดีเอ็นเอ ส่วนเด็กหญิงผู้เสียหายทั้ง 2 คน อยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดมุกดาหาร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจแวะเวียนไปเยี่ยมตรวจตรา ป้องกันไม่ให้มีการข่มขู่คุกคามเด็ก หากรู้ว่าผู้ต้องหาข่มขู่เด็ก จะยื่นคำร้องขอศาลขอถอนประกันตัวทันที
...
ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมการศึกษา เขต 22 (สพม.22) นายจักราวุธ สอนโกษา ผอ.สพม.22 กล่าวเรื่องเดียวกันว่า มีการสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยครูทั้ง 5 ราย และมีคำสั่งให้ออกจากราชการแล้วพร้อมรายงานไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เสนอการตัดสิทธิ์ของราชการที่จะได้รับทุกอย่าง และเสนอถอนใบประกอบวิชาชีพ ในส่วนของผู้บริหารโรงเรียน ทราบว่าทางต้นสังกัดได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว เช่นกัน
ที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ นายเอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) เปิดเผยภายหลังการประชุม กมว. ว่า ที่ประชุมหารือกันถึงกรณีครูล่วงละเมิดนักเรียนที่ จ.มุกดาหารว่า จากข้อมูลเชื่อได้ว่ามีการประพฤติที่ผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ สั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ทั้ง 5 คนเป็นเวลา 60 วัน และตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ส่วนผู้อำนวยการโรงเรียนต้นสังกัดจะมีความผิดด้วยหรือไม่นั้น ต้องรอผลการสอบสวนข้อเท็จจริงจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาก่อน สำหรับครูที่ออกมาให้กำลังใจผู้ที่ประพฤติผิด แม้จะไม่เข้าข่ายประพฤติผิดจรรยาบรรณ แต่ที่ประชุมเห็นว่าครูควรแสดงออกถึงกาลเทศะที่เหมาะสม และคำนึงถึงความเป็นครู กมว.จะมีบันทึกถึงครูคนดังกล่าว ขอให้ระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็น
นายเอกชัยกล่าวด้วยว่า วันเดียวกัน กมว.มีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูอีก 1 ราย ใน จ.นครพนม ที่มีพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับนักเรียนชั้น ม.5 โดยส่งข้อความเชิงชู้สาวทาง “ไลน์” และสั่งพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา 1 ราย กรณีผู้อำนวยการโรงเรียนล้วงมือเข้าไปในเสื้อเด็กนักเรียน เหตุเกิดใน จ.เพชรบูรณ์ โดยทั้ง 2 กรณีให้พักใบอนุญาต 60 วัน และตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
“ครูและผู้บริหาร รวม 7 ราย ที่มีพฤติกรรมเชิงชู้สาว อนาจาร ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก หากผลการสอบสวนพบว่าผิดจริงก็จะถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และขึ้นบัญชีดำไม่ให้กลับมาเป็นครูและผู้บริหารได้อีก” นายเอกชัยกล่าว
ขณะที่นางวัฒนาพร ระงับทุกข์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า การสอบสวนผู้อำนวยการโรงเรียน หากทราบเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วไม่ดำเนินการ คงเป็นประเด็นที่ต้องตั้งกรรมการสอบสวนต่อไป หากไม่ทราบคงเป็นลักษณะการตักเตือนการทำหน้าที่ผู้บริหารและต้องหามาตรการกำชับให้ผู้อำนวยการโรงเรียนกวดขัน ดูแลครู นักเรียน และโรงเรียนให้มากขึ้น ส่วนครูที่ออกมาแสดงความเห็น ทางคุรุสภาจะมีหนังสือทำความเข้าใจถือเป็นการส่งสัญญาณไปยังครูและผู้บริหารทั่วประเทศให้ระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็น ต้องคำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับลูกศิษย์
ขณะเดียวกัน มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว ร่วมกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล แผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ สมาคมเพศวิถีศึกษา จัดเสวนาผ่านช่องทางไลฟ์สดหัวข้อ “ข่มขืน” ใต้วงจรแห่งอำนาจ และทางออกจากวังวนปัญหา โดยนางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน ที่ปรึกษามูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า ตนลงพื้นที่ จ.มุกดาหารได้มีการพูดคุยกับเด็ก ต้อง ชื่นชมเด็กทั้งสองคนที่กล้าออกมาพูดความจริงและลุกขึ้นต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องสนับสนุนอย่าให้เด็กรู้สึกโดดเดี่ยวต่อสู้ลำพัง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เลวร้าย เป็นการปะทะกันระหว่างอำนาจมากกับอำนาจที่น้อยกว่า ยิ่งไปกว่านั้นพบว่าครูมีความพยายามที่จะเจรจายอมจ่ายเงินผ่านผู้เกี่ยวข้องกับเด็ก ขณะนี้เด็กทั้งสองอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัว และกำลังจะเข้าสู่การคุ้มครองพยานเพื่อความปลอดภัย โดยภาคประชาสังคมได้ตั้งทนายเข้าไปร่วมเสริมการทำงานกับภาครัฐ อยากเรียกร้องให้ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ลงพื้นที่ไปให้กำลังใจชื่นชมเด็กและครอบครัวที่กล้าหาญลุกขึ้นต่อสู้เพื่อความถูกต้องและเป็นธรรม เพราะยังมีนักเรียน ครูในโรงเรียน คนในพื้นที่ยังมองเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการประจานโรงเรียน ทั้งที่เป็นเรื่องที่ต้องเร่งจัดการนำคนกระทำผิดมาลงโทษ
...
ที่รัฐสภา นายเกื้อ แก้วเกตุ ประธานคณะทำงานด้านเด็ก พร้อมด้วยนายเชษฐา มั่นคง ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก และคณะ เข้ายื่นหนังสือต่อนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการพัฒนาสังคมและกิจการเด็กเยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ขอให้ติดตามตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายกรณีเกิดเหตุละเมิดทางเพศเด็กนักเรียนที่ จ.มุกดาหาร พร้อมประณามกลุ่มบุคคลดังกล่าว ซึ่งนายวัลลภกล่าวว่า ความผิดคดีนี้แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.คดีรุมโทรม และ 2.คดีกระทำชำเรา กมธ.ได้ติดตามตรวจสอบคดีดังกล่าวกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อเนื่อง เพื่อให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้รับโทษทางกฎหมายโดยเร็วที่สุด