ขอแม่เป็นศพสุดท้าย ตั้งค่าหัว 5 หมื่น-ยังมืด ‘อัยการ-ราชทัณฑ์’ แจง ลดโทษจําจนปล่อยตัว

ตำรวจระดมกำลังไล่ล่า “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกร ต่อเนื่องฆ่าแม่บ้านศพที่ 6 เตือนเป็นบุคคลอันตราย ตม.ตรวจเข้มด่านชายแดนพร้อมติดรูปหมายจับ ทีมสืบสวนตั้งค่าหัว 5 หมื่นบาท ส่วนลูกชายเหยื่อแม่บ้านร่วมพิธีเผาศพ เผยคนร้ายควรรับโทษประหาร ด้านโฆษกสำนักอัยการแจงพฤติกรรม “สมคิด” เป็นภัยสังคม “สมศักดิ์” ปิ๊งไอเดียติดกำไลอีเอ็มตลอดชีวิต ขณะที่นายกฯสั่ง ยธ.ปรับกติกาลดโทษ

จากคดีโหดนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่องฟื้นคืนชีพ หลังติดคุกคดีฆ่า 5 ศพเมื่อปี 48 ได้รับอภัยโทษออกมาช่วงกลางปี แล้วกลับมาก่อเหตุซ้ำลงมือสังหารนางรัศมี มุลิจันทร์ อายุ 51 ปี แม่บ้านโรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ถูกรัดคอเสียชีวิตในบ้านเลขที่ 293 หมู่ 19 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น แล้วใช้ฟูกที่นอนทับอำพรางศพห่อผ้าห่มคลุมอีกชั้น สภาพท่อนล่างเปลือย มีเทปใส พันรัดคอ สายชาร์จโทรศัพท์มัดข้อเท้า ตรวจสอบพฤติกรรมฆาตกรโหดติดต่อเหยื่อผ่านทางเฟซบุ๊ก ก่อนคบหาเป็นแฟนมาอยู่ด้วยกันที่บ้านเมื่อช่วงต้นเดือน ธ.ค. เพื่อนบ้านได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทกันก่อนกลายเป็นศพ หลังก่อเหตุเผ่นหนีหายเข้ากลีบเมฆ ตำรวจระดมกำลังพลิกแผ่นดินตามล่าตัวด่วน

หลังเกิดเหตุมีคำถามจากชาวบ้านว่า นายสมคิดเป็นจำเลยที่ต้องโทษประหารชีวิต และลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ทำไมถึงได้รับการปล่อยตัวหลังถูกจำคุกเพียงไม่นาน ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า นายสมคิด พุ่มพวงได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเมื่อเดือน พ.ค.62 เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย อาจเป็นข้อ ผิดพลาดที่ไม่ได้กลั่นกรองให้ดีเพียงพอ เรื่องนี้จำเป็นจะต้องนำไปทบทวนในการปล่อยตัวจำเลยที่ถูกดำเนินคดีหลายข้อหาและเป็นคดีอุกฉกรรจ์

...

เตือน “สมคิด” เป็นบุคคลอันตราย

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 ธ.ค. ที่ สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกุล ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ขจรฤทธิ์ วงษ์ราช ผกก.สภ.กระนวน ตำรวจ บก.สส.ภ.จ.ขอนแก่น ตำรวจสืบสวน ภ. 4 ชุดสืบสวน สภ.กระนวน และตำรวจ บก.ป. ร่วมประชุมเพื่อวางแนวทางการติดตามนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง หลังลงมือฆ่ารัดคอนางรัศมี มุลิจันทร์ ภายหลังการประชุม พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกุล ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ตำรวจเผยแพร่ภาพคนร้ายแจกจ่ายออกไปทั่วประเทศ ชาวบ้านแจ้งเบาะแสมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดแจ้งว่าพบนายสมคิดไปบวชเป็นพระ แล้วเดินอยู่ที่ตลาดพันดอน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี บางรายแจ้งว่าพบที่ จ.หนองคาย ตรวจสอบแล้วไม่พบเบาะแส หรือตัวคนร้ายแต่อย่างใด

ผบก.ภ.จ.ขอนแก่นเปิดเผยอีกว่า คนร้ายรายนี้จะมีพฤติกรรมที่ชัดเจน เมื่อกระทำความผิดจะไม่ติดต่อกับญาติ หรือคนรู้จัก รูปพรรณของคนร้ายมีแผลเป็นที่คิ้วข้างซ้าย หน้าตาเหมือนแขก ผิวสีแทน ผมหยักศกสูง 164 ซม. อยากฝากถึงประชาชนว่า นายสมคิดเป็นบุคคลอันตรายให้ระวัง เมื่อพบตัวรีบแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที

หลักฐานแน่นมัดตัวฆาตกรโหด

พ.ต.อ.ขจรฤทธิ์ วงษ์ราช ผกก.สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ตำรวจขออนุมัติออกหมายจับ นายสมคิด พุ่มพวง อายุ 55 ปี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ผู้ต้องหาเป็นบุคคลอันตราย และหากมีใครให้การช่วยเหลือไม่แจ้งตำรวจ จะถูกดำเนินคดีในข้อหาให้ที่พักพิง ส่วนสภาพศพนางรัศมีถูกมัดมือ มัดเท้า และรัดคอ อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ว่า ช่วงเกิดเหตุผู้ตายนอนหลับหรือรู้สึกตัวปกติ ส่วนเลือดคาดว่า น่าจะเกิดจากการถูกทำร้ายตบหน้าหรือถูกชกหน้า ขณะนี้ตำรวจเก็บหลักฐานเสื้อผ้าที่นายสมคิดสวมใส่ ลายนิ้วมือแฝง และภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยันตัวบุคคล ใบจองรถที่ผู้ตาย และนายสมคิดไปจองรถเก๋งไว้ที่ศูนย์มิตซูบิชิในตัวเมืองขอนแก่น ใช้ชื่อผู้ตายเป็นผู้จอง

ตั้งค่าหัว 5 หมื่นบาทแจ้งเบาะแส

พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบช.ภ.4 กล่าวว่า นายสมคิด พุ่งพวง จะเลือกเหยื่อเป็นหญิงอาศัยอยู่ตัวคนเดียว เมื่อรู้จักกันจะวางตัวนิ่ง พูดจาดี เอาใจเก่ง จนฝ่ายหญิงไว้ใจ กระทั่งตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน แล้วใช้ความไว้ใจของฝ่ายหญิงลงมือฆ่าด้วยวิธีการรัดคอ ช่วงที่รัดคอนั้น นายสมคิดจะนั่งดูฝ่ายหญิงขาดใจตายคามือนั่นคือ ความสุขที่สุด ข้อมูลเหล่านี้ ผู้ต้องหาเคยรับสารภาพกับตำรวจเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ด้าน พล.ต.ต.มาโนช สุภาพพูล ผบก.สส.ภ.4 กล่าวว่า ตำรวจ บก.กก.สส.ภ.4 ร่วมกับ สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น ตั้งรางวัลนำจับนายสมคิด พุ่มพวง เป็นเงิน 50,000 บาท จะมอบให้กับพลเมืองดีที่แจ้งเบาะแส และที่อยู่อาศัยของคนร้ายนำไปสู่การจับกุมตัว ส่วนการทำงานตำรวจชุดสืบสวน กระจายกำลังกันลงไปในพื้นที่หลายจังหวัด เพื่อติดตามร่องรอยของคนร้ายอย่างต่อเนื่อง

ข่าวลือหนีไปบวชใน จ.อุดรธานี

ขณะที่ พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังมีการแชร์ข่าวลงในเพจตำรวจกุมภวาปี ว่า นายสมคิด พุ่มพวง ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่น ปลอมตัวเป็นพระหลบหนีมาอยู่พื้นที่วัดบ้านผือ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี หรือแจ้งว่าไปนั่งดูนักเรียนซ้อมเชียร์อยู่ที่สวนสาธารณะหนอง-ประจักษ์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี สั่งการให้ตำรวจสืบสวน สภ.กุมภวาปี และตำรวจสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี สืบสวนภูธรจังหวัดอุดรธานี ออกสืบสวนหาข้อมูลอย่างเร่งด่วน เพราะนายสมคิด พุ่มพวง เป็นบุคคลอันตราย จากการรายงาน ยังไม่พบตัวนายสมคิดแต่อย่างใด คาดว่าจะเป็นข่าวลือ แต่ไม่ประมาท สั่งตำรวจทุกสถานีในพื้นที่ออกสืบสวนหาข่าวในพื้นที่ หากพบผู้ต้องสงสัยให้เข้าตรวจสอบและจับกุมทันที

ตม.ติดรูปและหมายจับตามด่าน

ส่วนที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จ.หนองคาย ตำรวจ ตม.หนองคาย และเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคาย ร่วมกันตรวจเข้มเส้นทางหลบหนีนายสมคิด พุ่มพวง ทั้งตรวจรถและบุคคลที่ผ่านเข้า-ออก ตรวจเน้นรถที่จะเดินทางออกไปที่ สปป.ลาว ส่วนตำรวจ ตม.ประจำตู้นำรูปและ หมายจับนายสมคิด พุ่มพวง ไปติดไว้ทุกตู้ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.หนองคาย เดินปะปนอยู่กับบุคคลที่ผ่านเข้า-ออกด่านพรมแดนฯ รวมทั้งออกสืบสวนหาข่าวตามจุดจอดเรือประเพณี และจุดผ่อนปรนไทย-ลาว เพื่อเป็นการป้องกันการหลบหนี ออกนอกประเทศอีกทางหนึ่งด้วย

...

จากข้อมูลตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย ตรวจสอบประวัติของนายสมคิด พุ่มพวง พบว่า ไม่เคยมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.หนองคาย เหตุที่ขอย้ายจากเรือนจำบางขวางมาที่เรือนจำจังหวัดหนองคาย อ้างว่าเพื่อสะดวกต่อการให้ญาติมาเยี่ยมนั้น เมื่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดหนองคายแล้วทราบว่า ตลอดระยะเวลาที่นายสมคิดถูกคุมขัง ไม่เคยมีญาติมาเยี่ยมเลยแม้แต่คนเดียว

ผบช.ก.สั่งระดมกำลังไล่ล่า

พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. เปิดเผยถึงการติดตามตัวนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง ว่า ขณะนี้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด อาทิ บก.ป. บก.ทล. บก.รฟ.และ บก.ปคม. สืบสวนติดตามตัวอย่างเร่งด่วนแล้ว เพราะผู้ต้องหารายนี้ถือเป็นภัยอันตรายกับประชาชน ด้าน พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. กล่าวว่า สำหรับแรงจูงใจในการก่อเหตุของนายสมคิด ในมุมมองส่วนตัวเมื่อพิจารณาจากข้อมูลคดีเก่าๆ พบว่านายสมคิดอาจเสพติดการใช้ความรุนแรง ก่อเหตุลักษณะเดียวกันต่อเนื่อง และอาจมีอาการผิดปกติทางจิต คนทั่วไปอาจมองจากภายนอกไม่ออก ขอให้เฝ้าระวังภัย หากพบเห็นเบาะแสที่มีประโยชน์ สามารถแจ้งที่เฟซบุ๊กกองปราบปราม หรือตำรวจหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้เพจเฟซบุ๊กกองปราบปรามลงรูปภาพหน้าตา ตำหนิรูปพรรณของนายสมคิดพร้อมกับข้อความประกาศว่า นายสมคิดเป็นบุคคลอันตราย และเป็นบุคคลที่ทางการกำลังต้องการตัว หรือ MOST WANTED ด้วย

...

มีบทเรียนหนีทำให้ตามตัวยาก

ด้าน พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. กล่าวว่า จัดส่งกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมกับสอบปากคำพยานแวดล้อมต่างๆเพื่อนำมาประกอบการวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ความคืบหน้า ภายหลังก่อเหตุนายสมคิดไม่ได้นำทรัพย์สินมีค่าติดตัวไป รวมถึงโทรศัพท์มือถือ มีเพียงแค่รถ จยย.ยามาฮ่า มีโอ สีชมพู เพียงคันเดียวที่ใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนี เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับเส้นทางการหลบหนี จากการตรวจสอบประวัติการติดต่อเข้าเยี่ยมของญาติ หรือบุคคลใกล้ชิดในช่วงระหว่างที่ต้องโทษอยู่ในเรือนจำ พบว่าตลอดระยะเวลา 14 ปี ที่อยู่ในเรือนจำนั้นไม่เคยมีญาติ หรือบุคคลมาติดต่อเข้าเยี่ยมนายสมคิดแม้แต่ครั้งเดียว ประกอบกับการที่นายสมคิดเคยถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวเมื่อครั้งก่อเหตุปี 48 ทำให้ตัวนายสมคิดมีบทเรียน และรู้จักวิธีการหนีเป็นอย่างดี ทำให้ยากต่อการติดตาม

เชื่อสาเหตุเพราะมีปมในใจ

รายงานข่าวแจ้งว่า แนวทางสืบสวนและตรวจสอบพฤติการณ์ก่อเหตุและหลบหนีของนายสมคิด เมื่อครั้งในอดีตพบว่าวิธีการหลบหนีของนายสมคิดหลังก่อเหตุเมื่อปี 48 นั้น ไม่มีเงินติดตัว เลือกใช้วิธีขึ้นรถไฟเพื่อหนีไปกบดานซ่อนตัวในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทางภาคใต้แทน ช่วงที่ต้องแวะพักระหว่างทาง นายสมคิดจะใช้วิธีเปิดห้องพักรายวันตามโรงแรมข้างทางต่างๆ อ้างว่าเป็นตัวแทนของผู้หลักผู้ใหญ่ขอใช้บริการฟรี นอกจากนี้เมื่อครั้งที่นายสมคิดถูกจับกุมในคดีเก่าเมื่อปี 48 นั้น เคยให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนไว้ว่า ไม่มีพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง เนื่องจากพ่อแม่เสียชีวิตไปนานแล้ว ประกอบกับเป็นคนชอบสันโดษ ไม่เคยติดต่อหาญาติ ที่ผ่านมามักจะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านภรรยาในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และมีความผูกพันกับ จ.ชัยภูมิ สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้รับจากภรรยาของนายสมคิดว่า ช่วงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน นายสมคิดเป็นคนดีมาก ไม่ใช่คนอารมณ์โมโหร้าย ส่วนพฤติกรรมทางเพศปกติทั่วไป ไม่ใช้ความรุนแรง แต่การที่นายสมคิด ก่อเหตุดังกล่าวเชื่อว่าเกิดจากปมในใจที่ถูกปิดซ่อนอยู่ ทำให้ต้องกลายเป็นฆาตกรโรคจิตก่อเหตุต่อเนื่อง

...

เศร้าอาลัยร่วมเผาเหยื่อโหด

ต่อมาเวลา 15.30 น.วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดศรีสว่าง บ้านศรีสุข หมู่ 7 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ญาติตั้งสวดอภิธรรมศพนางรัศมี มุลิจันทร์ อายุ 51 ปี เหยื่อฆาตกรโหด พบนายจักรกฤษ์ เชือกพรม อายุ 25 ปี ลูกชายผู้ตาย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. แม่โทร.มาหาพูดว่าแฟนใหม่จะออกรถเก๋งให้ แม่เกรงว่าเครดิตแม่ไม่ผ่าน ขอหมายเลขบัตรประชาชนของตนไปตรวจสอบเครดิต แฟนใหม่แม่ทำงานเป็นทนายความ เดินทางว่าความ และให้คำปรึกษาทางกฎหมายทั่วประเทศและจะมาอยู่ด้วยที่บ้าน กระทั่งแม่ถูกฆ่า ผู้ต้องหาเป็นฆาตกรต่อเนื่อง เพิ่งพ้นโทษมาไม่นาน ประเทศไทยควรจะพิจารณาโทษกับนักโทษที่ก่อเหตุรุนแรง ขอให้แม่เป็นเหยื่อรายสุดท้าย ไม่น่าจะปล่อยให้ผู้ต้องหารอดออกมาก่อเหตุซ้ำอีก เพราะเป็นบุคคลอันตรายควรได้รับโทษประหารชีวิตเท่านั้น จากนั้น ญาตินิมนต์พระทำพิธีฌาปนกิจศพนางรัศมี มุลิจันทร์ บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า

ยุติธรรมเยียวยากว่า 1 แสนบาท

ด้านนายฟ้าใส ศรีรักษา พนักงานคุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพ พร้อมคณะเป็นตัวแทนนางศิริพร น้อยพินิจ ผอ.สำนักงานยุติธรรมจังหวัดขอนแก่น เดินทางมาพบญาตินางรัศมี เพื่อแจ้งสิทธิ์ของผู้ตายจะได้รับเงินช่วยเหลือในทุกๆส่วน ทั้งค่าจัดการศพและอื่นๆ รวม 110,000 บาท ผู้มีสิทธิ์ได้รับคือทายาทของผู้ตาย เมื่อเอกสารครบถ้วนจะได้รับเงินเยียวยาทั้งหมด

แจงกฎหมายให้ลงโทษสูงสุด 50 ปี

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด วันที่ 17 ธ.ค. นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวกรณีนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่องว่า นายสมคิดก่อเหตุฆ่าเหยื่อมา 5 คดี อัยการยื่นฟ้องต่อศาลให้ลงโทษแล้วคดีทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อปี 2548 พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการ ยื่นฟ้องต่อศาลไปทั้งหมด 5 คดี ผลการพิจารณาคดีของศาลตั้งแต่ชั้นต้นจนถึงชั้นฎีกา ศาลพิพากษาประหารชีวิต แต่เนื่องจากนายสมคิดให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวน การพิจารณาเป็นประโยชน์ศาลลดโทษให้ เหลือจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 5 คดี เรื่องนี้เป็นประเด็นข้อกฎหมายที่ว่า เมื่อศาลมีคำพิพากษา ประหารชีวิตแล้ว สามารถประหารชีวิตได้เพียงครั้งเดียว แต่สุดท้ายเมื่อศาลลดโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 5 คดี โทษจำคุกตลอดชีวิตตามกฎหมายสามารถจำคุกได้ 50 ปี แต่ตามกฎหมายไม่ใช้การนำตัวเลข 50 ปี มาคูณ 5 จะทำให้โทษเป็น 250 ปี แต่กฎหมายให้ลงโทษสูงสุด 50 ปีเท่านั้น นับตั้งแต่วันที่นายสมคิดถูกจำคุกครั้งแรกคือวันที่ 29 มิ.ย.2548 และได้รับการลดหย่อนโทษในขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ กระทั่งถูกปล่อยตัวไปเมื่อช่วงเดือน พ.ค.2562 เมื่อปล่อยตัวกลับไปก่อเหตุซ้ำ

พฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม

นายประยุทธกล่าวยืนยันว่า คดีที่ผ่านมานั้น สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินคดีทุกคดีตามพยานหลักฐาน และข้อกฎหมายครบถ้วน ส่วนคดีที่นายสมคิดก่อเหตุขึ้นใหม่อีกนั้น อัยการจะมีแนวทางในการดำเนินคดีเพื่อให้ความมั่นใจกับสังคมและประชาชน พิจารณายื่นฟ้อง อัยการจะต้องดูประวัติการกระทำผิด รวมถึงพฤติการณ์เพื่อบรรยายในคำฟ้อง รวมถึงการนำสืบให้ศาลเห็นพฤติการณ์ของจำเลย หากจะต้องดำเนินการฟ้องขอให้ลงโทษเด็ดขาดรุนแรง อัยการจะทำหน้าที่ตรงนั้นอย่างสุดความสามารถ เพราะพฤติกรรมการกระทำผิดในลักษณะฆาตกรต่อเนื่องถือว่าเป็นภัยอันตรายต่อสังคม ตามกฎหมายแล้วหากมีการกระทำผิดภายในระยะเวลา 5 ปีหลังพ้นโทษ อัยการสามารถฟ้องขอให้ศาลเพิ่มโทษ 1 ใน 3 ได้ แต่หากเป็นข้อเท็จจริงว่าคดีใหม่นี้เป็นคดีฆ่าโดยไตร่ตรองหรือฆ่าชิงทรัพย์ โทษสูงสุดจะประหาร ชีวิต จะไม่สามารถเพิ่มโทษได้อีก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนยื่นฟ้องหากจำเลยรับสารภาพจะขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก โดยไม่มีการลดโทษได้หรือไม่ นายประยุทธกล่าวว่า เราจะไม่ก้าวล่วงการใช้ดุลพินิจลงโทษของศาล แต่มีหลักกฎหมายอยู่ว่า ถ้าการรับสารภาพของจำเลย หรือผู้ต้องหาไม่ว่าจะเป็นชั้นสอบสวน หรือชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ ศาลจะลดโทษให้ แต่มีกฎหมายอีกจุดหนึ่ง ตนเชื่อว่าอัยการจะต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า การที่จำเลยรับสารภาพนั้นไม่ใช่การสำนึกผิด แต่เป็นเพราะจำนนต่อหลักฐาน ศาลเห็นว่าการกระทำที่ฆาตกรรมต่อเนื่องมา 5 คดี ไม่ได้ทำให้เข็ดหลาบ ที่ผ่านมาการทำหน้าที่ของอัยการ ถ้านำสืบให้ศาลเห็นว่ารับสารภาพ เพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน ศาลจะไม่ยกประโยชน์ แต่ทั้งนี้ต้องดูข้อเท็จจริงในสำนวนคดีด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่าคดีที่ผ่านมาศาลสั่งลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ในความเป็นจริงจำเลยติดคุกจริงเพียง 10 ปีเศษ และยังกลับมาก่อคดีซ้ำอีก มีความเห็นอย่างไร นายประยุทธกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมตั้งคำถามเช่นกัน แต่คนที่ให้คำตอบได้ดีที่สุดคือกรมราชทัณฑ์ แต่ขั้นตอนปฏิบัติต่างๆของกรมราชทัณฑ์ก็มีกฎหมายรองรับอยู่

กรมราชทัณฑ์ออกแถลงการณ์

กรมราชทัณฑ์ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีลดโทษนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่องหลังก่อเหตุซ้ำล่าสุด ระบุว่า ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยื่นคำร้องต่อศาลออกหมายจับนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่องที่เพิ่งพ้นโทษออกมาและก่อเหตุฆาตกรรมนางรัศมี มุลิจันทร์ อายุ 51 ปี เสียชีวิตภายในบ้านพักที่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่นนั้น พ.ต.อ. ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า นายสมคิด พุ่มพวง อดีตผู้ต้องขังคดีฆ่าผู้อื่นฯ และลักทรัพย์ รวม 5 คดี ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 5 คดี ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวางตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย.2548 ต่อมาได้ขอย้ายกลับภูมิลำเนามาควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำจังหวัดหนองคาย ขณะที่นายสมคิดถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำ เป็นนักโทษที่มีความประพฤติดี เรียบร้อย จนได้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม และได้รับการลดโทษตามกระบวนการทางกฎหมายเรื่อยมาตาม ลำดับ จนกระทั่งพ้นโทษเมื่อวันที่ 27 พ.ค.2562

พ.ต.อ.ณรัชต์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์รับผิดชอบผู้ต้องขังกว่า 370,000 คน ทั่วประเทศ จำนวนนักโทษเกินความจุของเรือนจำที่จะรองรับได้ไป 3 เท่า ทำให้เกิดสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการแก้ไขปรับปรุง และทำให้เกิดการกระทำผิดซ้ำเมื่อพ้นโทษออกมา อย่างไรก็ตาม กรมราชทัณฑ์จะเร่งทบทวน และเพิ่มมาตรการป้องกันมิให้ผู้กระทำผิด ซ้ำในคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และใคร่ขอวิงวอนให้พี่น้องประชาชนอย่าได้เหมารวม หรือปิดโอกาสของผู้พ้นโทษในการกลับตัวเป็นคนดีของสังคม

“สมศักดิ์” สั่งกลั่นกรองปล่อยนักโทษ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการวิจารณ์การปล่อยตัวนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่องของกรมราชทัณฑ์ว่า รอให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์รายงานเกี่ยวกับเรื่องการปล่อยตัวดำเนินการครบถ้วนมากน้อยเพียงใด เพราะช่วงนี้อดีตผู้ต้องขังดังกล่าวไปอยู่ที่ไหน ยังไม่รู้ต้องติดตามเพื่อความปลอดภัยและความรู้สึกของประชาชน ทราบว่ากลไกการปล่อยตัวนักโทษที่เป็นโรคจิต หรือฆาตกรต่อเนื่องต้องรายงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทราบทุกเดือน แล้วจะติดตามดูแลอาจมีความผิดพลาดหลุดไปบ้าง ส่วนกระบวนการพักโทษนั้น จากการศึกษาดูจากสหรัฐอเมริกาฆาตกรโรคจิต ฆ่าข่มขืน กระทำชำเราเด็ก เป็นกลุ่มคนที่อาจจะต้องถูกคุมขังตลอดชีวิต หรือแม้จะได้รับการพักโทษออกมาต้องติดกำไลอีเอ็มตลอดชีวิต คนประเภทนี้ถ้าไปอยู่บริเวณไหนใกล้โรงเรียน หรือสถานศึกษา ต้องแจ้งให้สถานศึกษารับทราบ อยากนำระบบนี้มาดำเนินการเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้คน

“สิระ” จี้สังคายนากรมคุก

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ประธานคณะอนุกรรมาธิการการศึกษาการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จะนำปัญหากระบวนการกลั่นกรอง เพื่อพิจารณาลดโทษของกรมราชทัณฑ์ เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม กมธ.ควรต้องสังคายนาครั้งใหญ่เพื่อไม่ให้นำไปสู่โศกนาฏกรรมเหมือนที่เกิดขึ้นกับเหยื่อรายล่าสุด นักโทษที่ก่อคดีอุกฉกรรจ์ที่ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ควรมีมาตรการพิจารณาลดโทษที่เข้มงวดกว่านักโทษปกติ ไม่เช่นนั้นจากโทษประหารชีวิตติดคุกไม่กี่ปี ออกมาใช้ชีวิตปกติได้แล้ว เช่น กรณีนายสมคิดฆ่าคนไปถึง 5 ราย ศาลตัดสินจำคุกทั้ง 5 คดี แต่กลับติดคุกเพียง 14 ปี และเมื่อพ้นโทษยังก่อเหตุสะเทือนขวัญซ้ำอีก เป็นอุทาหรณ์ที่กรมราชทัณฑ์ต้องปรับปรุงกระบวนการพิจารณาลดโทษโดยด่วน

นายกฯให้ ยธ.ปรับกติกาลดโทษ

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวถึงกรณีนายสมคิด พุ่มพวง เพิ่งพ้นโทษได้รับการปล่อยก่อเหตุฆ่าอีกครั้งว่า รัฐบาลตระหนักและรับทราบ หามาตรการที่รัดกุม เพื่อไม่ให้นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ทำผิดซ้ำ สั่งการให้กระทรวงยุติธรรมไปหามาตรการที่เหมาะสม การลดหย่อนผ่อนโทษต้องไปพิจารณาใหม่ทั้งหมด เพราะยังเป็นกฎกติกาเดิมๆที่มีอยู่ วันนี้ต้องปรับให้สอดคล้องกับรูปแบบปัจจุบันว่าคดีอุกฉกรรจ์ต้องทำอย่างไร รวมถึงต้องไปดูรัฐธรรมนูญ และกฎหมายกระบวนการยุติธรรมของโลก เพราะถูกจ้องจับตาตรงนี้อยู่เหมือนกัน ฉะนั้นการแก้ไขอะไรก็ตาม ต้องไม่กระทบซึ่งกันและกัน กำลังปรึกษาหารือกันอยู่

แพทย์ไม่ฟันธงป่วยทางจิต

ขณะที่ นพ.ศรุตพันธุ์ จักรพันธุ์ ณ อยุธยา ผอ.สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กล่าวถึงกรณีนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง 6 ศพ ว่า การที่มีผู้ก่อเหตุความรุนแรงขึ้นนั้น ยังไม่สามารถบอกได้ว่าป่วยเป็นโรคทางจิตเวชหรือไม่ ต้องย้ำว่า การก่อเหตุความรุนแรง ไม่ว่าจะป่วยทางจิตเวช หรือไม่ป่วยสามารถก่อเหตุได้ทั้งสิ้น ต้องตรวจวิเคราะห์พฤติกรรมเป็นรายบุคคล ตามกระบวนการยุติธรรมแล้วต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศาล อัยการ หรือญาติร้องขอต่ออัยการหรือศาล ส่งเรื่องให้จิตแพทย์เข้าไปตรวจสอบ เนื่องจากจิตแพทย์ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบ หากป่วยต้องรักษาควบคู่ไปกับการรับโทษทางกฎหมาย เมื่อถามว่า ก่อนปล่อยนักโทษ จิตแพทย์ต้องประเมินสุขภาพจิต สภาพจิตใจก่อนปล่อยตัวหรือไม่ ผอ.สถาบันกัลยาณ์ฯ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์จะมีระบบการปรับพฤติกรรมของคนไข้อยู่แล้ว และอบรมกระบวนการทางจิตเวชให้กับพยาบาลเรือนจำครอบคลุมร้อยละ 90

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง "จับสมคิด พุ่มพวง"