ตำรวจอุดรฯ เร่งล่าไอ้หื่น บีบคอ ด.ช.วัย 13 ลากเข้าป่าข้างทาง บังคับล่วงละเมิดทางเพศ ก่อนขู่ฆ่าปล่อยตัว แล้วชิ่งหนีลอยนวล เด็กวิ่งตัวสั่นโร่ฟ้องยายรุดเข้าแจ้งความ เผยเป็นคนแปลกหน้า ไม่ได้อยู่ในชุมชน  

เมื่อนที่ 10 พ.ย.62 ร.ต.อ.พงศ์พล ผิวผ่อง รอง สวป. สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งจากศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทองว่า มีเหตุคนร้ายเป็นชายใช้กำลังบังคับข่มขืนกระทำชำเราเด็กชาย อายุ 13 ปี ขณะนี้ผู้เสียหายและผู้ปกครอง รอให้การอยู่บริเวณหน้าบ้านเช่าแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยตำรวจสืบสวน และตำรวจเขตงานนิตโย

ที่เกิดเหตุพบ นางนก (นามสมมุติ) อายุ 62 ปี ยายของ ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.อุดรธานี หลังถูกคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 20-25 ปี รูปร่างอ้วนเตี้ย ผิวดำ สวมเสื้อกันหนาวสีเหลือง กางเกงยีนส์ขายาว พูดภาษาไทยสำเนียงอีสาน เดินเข้ามาก่อเหตุ ขณะ ด.ช.เอ กำลังปั่นจักรยานเล่นอยู่หน้าบ้านพัก โดยคนร้ายใช้มือบีบคอขู่บังคับให้เดินไปพร้อมจักรยาน เข้าไปในป่าละเมาะข้างทางลึกราว 20 เมตร ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพัก ประมาณ 400 เมตร และจอดจักรยานทิ้งไว้ริมทาง ก่อนคนร้ายจะถอดเสื้อผ้าตัวเองและเด็กออก บังคับให้อมนกเขาสลับกันกับคนร้าย ประมาณ 30 นาที แต่ไม่สำเร็จความใคร่ แล้วขู่เด็กชายห้ามนำเรื่องไปบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย ก่อนสวมเสื้อผ้าเดินออกจากป่าละเมาะไปทางด้านหลังโรงเรียน จากนั้นเด็กชายรีบวิ่งออกจากป่ากลับบ้านพัก แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ยายฟัง เพื่อแจ้งตำรวจสกัดจับคนร้าย ที่ไม่มียานพาหนะมาดำเนินคดี แต่ยังไร้วี่แวว ส่วนจักรยานของเด็กชายนั้น หายไปก่อนคนร้ายปล่อยตัวออกมาจากป่า โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนเอาไป

...

จากการสอบสวน ยาย ด.ช.เอ ให้การว่า ขณะตนทำกับข้าวอยู่ในครัวหลังบ้านนั้น หลานชายวิ่งร้องไห้ตัวสั่นมาบอกว่า ถูกคนร้ายบังคับขืนใจให้อมนกเขา ขณะหลานชายกำลังปั่นจักรยานเล่นอยู่บนถนนในซอยหน้าบ้านตามลำพัง คนร้ายได้เดินปรี่เข้ามาบีบคอขู่บังคับให้ไปร่วมหลับนอนกันในป่าละเมาะ โดยหลานชายบอกว่าคนร้ายที่ก่อเหตุไม่ใช่คนในชุมชน และเป็นคนแปลกหน้าไม่เคยพบเห็นรู้จักมาก่อน ตนรู้สึกตกใจและกลัวมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลานชายครั้งนี้

"ตนและสามีเลี้ยงหลานชายมาตั้งแต่เล็กๆ หลังจากพ่อแม่แยกทางกัน พ่อไปมีครอบครัวใหม่ที่ จ.ขอนแก่น ส่วนแม่ซึ่งเป็นลูกสาวของตน เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลี ส่งเงินมาเลี้ยงดูลูกทุกเดือน ส่วนอดีตลูกเขยก็ส่งเงินมาบ้างในบางเดือน โชคดีที่คนร้ายไม่ฆ่าหลานทิ้ง เนื่องจากหลานยอมทำตามทุกอย่าง ถึงจะไม่ชอบในสิ่งที่ทำก็ตาม เพราะต้องการรอดชีวิตจากคำขู่ โดยถูกบังคับให้อมนกเขานานถึง 30 นาที จึงอยากให้ตำรวจช่วยติดตามไอ้โรคจิตรายนี้มาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด เพราะเกรงจะไปก่อเหตุซ้ำอีก" ยาย ด.ช.เอ ระบุ

ด้านเพื่อนบ้าน ด.ช.เอ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า หลังทราบข่าวรู้สึกตกใจและกลัวมาก ขนาดยังไม่มืดค่ำคนร้ายยังกล้าทำ ตั้งแต่อยู่ในชุมชนแห่งนี้มาร่วม 30 ปี ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน อยากให้ตำรวจช่วยติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะกลัวคนร้ายเกิดความย่ามใจ และไปก่อเหตุซ้ำกับเด็กรายอื่นอีก เนื่องจากพวกตนก็มีหลานสาวและหลานชายในวัยเดียวกันกับผู้เสียหายด้วย

ต่อมาเวลาประมาณ 20.00 น. วันเดียวกัน (10 พ.ย.) ร.ต.อ.พงศ์พล ผิวผ่อง รอง สวป. สภ.เมืองอุดรธานี พบชายวัยรุ่นปั่นจักรยานของผู้เสียหายอยู่บนถนนในซอย ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุราว 200 เมตร จึงได้ขอตรวจค้นและสอบถามทราบว่า ชายคนดังกล่าว อายุ 15 ปี เคยอาศัยอยู่ในชุมชนและรู้จักกับ ด.ช.เอ ผู้เสียหายในร้านเกมส์ ซึ่งกำลังจะปั่นจักรยานไปคืนให้ที่บ้าน โดยเห็นรถจักรยาน ด.ช.เอ จอดอยู่ริมถนน นึกว่าเจ้าตัวคงอยู่ในร้านเกมส์ แต่เมื่อปั่นจักรยานไปถึงกลับไม่พบ หลังจากตนเล่นเกมส์เสร็จแล้ว ก็รีบปั่นนำไปส่งคืนให้ และไม่คิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับ ด.ช.เอ ตำรวจจึงถ่ายรูปส่งไปให้ตำรวจสืบสวน ขณะที่ ด.ช.เอ และยาย กำลังให้ปากคำกับตำรวจ โดย ด.ช.เอ ยืนยันว่ารู้จักกัน เพราะเป็นพี่ชายของเพื่อน และไม่ใช่คนร้ายที่ก่อเหตุแต่อย่างใด