ผบก.อุดรฯ สั่งทุบเบ้าเก็บศพ “น้องเก้า” เก็บหลักฐานและตรวจอย่างละเอียด พบกะโหลกหน้าผากถูกเจาะก่อนนำศพบรรจุในเบ้าแล้วโบกปูนปิดตามเดิม ขณะที่ คนร้ายนำเสื้อผ้าและรองเท้าของศพ มาทิ้งใกล้เมรุ

กรณี นางอุไรรัตน์ สุวรรณหงส์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/1 หมู่ 10 บ้านปันน้ำใจ ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ห้วยหลวง อ.เมืองอุดรธานี กรณีศพ ด.ช.ศุกลวัฒน์ อยู่ศรีเจริญ หรือน้องเก้า อายุ 6 ปี 9 เดือน หลานชาย ถูกคนร้ายลอบทุบเบ้า เจาะกะโหลกหน้าผากหายไป ที่เมรุวัดส่งเสริมธรรม ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมืองอุดรธานี เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผานมา ญาติเชื่อเป็นฝีมือแก๊งคุณไสย มนตร์ดำ ทำพิธีสะกดวิญญาณก่อนเจาะเอา “ปั้นเหน่ง” ตำรวจพบพระลูกวัดอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ มีอุปกรณ์ก่อสร้างและกระปุกบรรจุน้ำมันขี้ผึ้งที่ตรวจยึดได้ในกุฏิ ส่งไปตรวจดีเอ็นเอหาชิ้นส่วนมนุษย์ และตรวจสอบและจับตาสำนักหมอผี ทำคุณไสย มนตร์ดำ ทำเสน่ห์ ใน จ.อุดรธานี 44 สำนัก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 มิถุนายน พล.ต.ต.วรณัฎฐ์ ผันผ่อน ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธ์ ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.ท.สมโภชน์ ประจิตร รอง ผกก.สอบสวน สภ.ห้วยหลวง อ.เมือง อุดรธานี พ.ต.อ.มารุต วังณะยุนุช ผกก.พิสูจน์หลักฐาน จ.อุดรธานี นำกำลังไปที่เมรุวัดส่งเสริมธรรม ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อทุบเบ้า ด.ช.ศุกลวัฒน์ อยู่ศรีเจริญ หรือน้องเก้า อายุ 6 ปี 9 เดือน โดยมีนางอุไรรัตน์ สุวรรณหงส์ และญาติเดินทางมาร่วมด้วย

...

โดยก่อนทุบเบ้าน้องเก้า นางอุไรรัตน์ ญาติ ได้นำขันธ์ 5 จุดธูปเทียนบอกกล่าวขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทาง และขออนุญาตศพน้องเก้า ก่อนจะให้ญาตินำค้อนปอนด์มาทุบกะเทาะปูนที่โบกรอบฝาครอบเบ้าออก พบศพน้องเก้าอยู่บนแผ่นสังกะสีมีผ้าห่มปกคลุมร่าง กะโหลกหลุดออกจากลำตัว หน้าผากถูกเจาะเป็นรูขนาดเท่าเหรียญสิบ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บหลักฐาน ก่อนจะนำผ้าขาวมาปู และยกแผ่นสังกะสีนำร่างน้องเก้าออกมาตรวจอย่างละเอียด ประมาณ 20 นาที ก่อนนำร่างเข้าไปในเบ้า และโบกปูนทับเช่นเดิม 

ขณะเดียวกัน ที่ใต้ต้นไม้ข้างเมรุ ฝั่งทิศตะวันตก ห่างจากเบ้าเก็บศพของน้องเก้าประมาณ 30 เมตร พบถุงใส่เสื้อผ้าและรองเท้านักเรียนของน้องเก้า ที่ทางญาติยืนยันว่า เป็นข้าวของเครื่องใช้ที่ทางญาติใส่ไว้ในเบ้าเก็บศพของน้องเก้า ทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้นำสิ่งของแยกออก ที่มีทั้งกระเป๋าเป้ เสื้อผ้า รองเท้า ทำการเก็บดีเอ็นเอ เป็นหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งทางญาติของน้องเก้า บอกว่าคนร้ายที่นำไปน่าจะพบอะไรบางอย่าง จนทนไม่ได้ต้องนำข้าวของเครื่องใช้ของน้องเก้าที่ขโมยเอาไปด้วยมาคืน 

นางอุไรรัตน์ สุวรรณหงส์ ยายของน้องเก้า เปิดเผยว่า กระเป๋าที่ถูกนำมาวางทิ้งไว้ เป็นของน้องเก้า เพราะทั้งเสื้อและกางเกงเป็นของที่น้องเก้าใส่ประจำ อยากให้เจอตัวคนร้าย ตนจะถามว่ามันเอาออกมาทำไม คิดว่าคนร้ายเพิ่งนำมาทิ้งไว้ เพราะวันเกิดเหตุเราเดินดูรอบๆ แล้วไม่มีแน่นอน ตนเป็นคนเอาใส่ในเบ้าให้หลานเองกับมือ ตอนนี้อยากให้ตำรวจจับตัวคนร้ายให้ได้ ซึ่งตอนนี้แม่ของน้องเก้า จะถูกปล่อยตัวออกมาในวันศุกร์นี้ ซึ่งเขาทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาทำกับน้องเก้าแบบนี้ เขางงยังทำอะไรไม่ถูก บอกว่าให้กลับบ้านก่อน จึงจะคิดว่าจะทำอย่างไรต่อ

“ตั้งแต่เกิดเหตุ น้องเก้าเขามาหาฉัน หลังจากที่มีคนนำผ้าขาวมาทำพิธีให้กับน้องเก้า เขามาที่บ้านมาเปิดประตูก๊อกแก๊กเหมือนอย่างตนที่น้องเก้ายังอยู่บ้าน ที่เขาเข้าห้องน้ำ เปิดมุ้งนอน เขาเคยทำอย่างไรก็มาหาทำอย่างนั้น ซึ่งไม่ได้ฝัน หลานมาหาแบบตัวเป็นๆ เหมือนมาบอกให้เรารู้ว่า เขายังอยู่ตรงนี้ เหมือนกับเขายังไม่ไปไหน จนกว่าตำรวจจะจับตัวคนร้ายได้ ซึ่งฉันมั่นใจว่าต้องจับตัวคนร้ายได้แน่” ยายของน้องเก้า กล่าว

...

ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า อยากมาเปิดเบ้าเพื่อให้ตำรวจเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ไม่ว่าเป็นเรื่องดีเอ็นเอ หรือวัตถุพยานต่างๆ เพราะว่าตำรวจยังไม่เคยเปิดหรือเห็นเลย วันนี้น่าจะเก็บวัตถุพยานต่างๆ ได้พอสมควร คิดว่าผลการตรวจออกมาก็คงจะสอดคล้องกับบุคคลที่ต้องสงสัย ถือเป็นหลักฐาน และพยานที่สามารถนำไปสู่ผู้กระทำผิด นอกจากนี้ยังพบเสื้อผ้าและรองเท้านักเรียนเพิ่ม สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนร้ายนำเอามาคืน เพราะเป็นของเก้าที่อยู่ในเบ้า วันแรกที่มาตรวจที่เกิดเหตุก็ไม่พบ แต่มาพบวันนี้ ได้สั่งให้ตำรวจสืบสวนไปสืบว่ามาเมื่อไหร่วัตถุพยานชิ้นนี้ ซึ่งพิสูจน์หลักฐานได้เก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ไปแล้ว 

“เมื่อเปิดเบ้านำศพออกมาตรวจ นอกจากกะโหลกหน้าผากหายไป ร่างกายส่วนอื่นยังอยู่ครบ ส่วนอุปกรณ์การเจาะยังคาดไม่ได้ว่าใช้อุปกรณ์ชนิดใด ลักษณะการเจาะเป็นรูกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือเก็บดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยไว้เปรียบเทียบ คาดว่าผลน่าจะออกภายใน 7-10 วัน ส่วนหลักฐานใหม่วันนี้ผลจะออกพร้อมกัน ส่วนสำนักหมอผีในจังหวัดคัดกรองจาก 44 สำนัก เหลือ 7-8 สำนัก ที่ทำเรื่องเกี่ยวกับไสยศาสตร์ ปั้นเหน่ง ส่วนจังหวัดอื่นมี 2 สำนัก ซึ่งได้ประสานตำรวจภาค 4 ทั้ง 12 จังหวัดในภาคอีสานเหนือ ช่วยกันสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี” พล.ต.ต.วรณัฎฐ์ กล่าว.

...