คนเขียนร้องเรียนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.สุรินทร์ บอกว่า การติดตั้งเสาไฟฟ้าถึง 4 ต้น ในโฉนดที่ดิน 2188 เลขที่ดิน 208 หมู่ 3 บ้านไทย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ได้ร้องเรียนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในวันที่ 1 ธ.ค.2559 ให้มาย้ายเสาไฟออกจากสวน ซึ่งเป็นวันที่ขอไฟฟ้าเพื่อการเกษตรเข้าพื้นที่สวน

ต้องการใช้ไฟทำน้ำหยดในสวน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแจ้งว่า จะย้ายเสาไฟฟ้าออกจากพื้นที่ให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะมาปักเสาไฟในพื้นที่ส่วนบุคคล แต่ยังไม่ย้าย ติดต่อไปที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.สุรินทร์ ให้ชื่อเจ้าหน้าที่ที่ย้ายเสาไฟ เบื้องต้นรับโทรศัพท์ตอบว่าช่วงนี้ฝนตก ดินนิ่ม นำรถใหญ่เข้าพื้นที่เพื่อขนย้ายเสาไฟไม่ได้

แต่ไม่ได้ดำเนินการใดๆ

ติดต่อไปหลายครั้งไม่รับโทรศัพท์ จึงติดต่อกลับไปที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอีกรอบ นัดเจรจาในที่เกิดเหตุโดยมอบให้พี่สาวไปเจรจาแทนเนื่องจากต้องทำงานที่กรุงเทพฯ วันนัดเจรจาการไฟฟ้ามีเจ้าหน้าที่ 2 ท่าน และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ร่วมเจรจาได้ความว่า ทางการไฟฟ้าฯจะย้ายเสา ออกจากกลางสวนไว้ตรงริมรั้วให้ ขยับแนวรั้วที่กำลังจะสร้างเข้ามาในที่ดิน ให้มีทางรถวิ่งเข้าออกได้ เพื่อไปยังบ้านที่ขอใช้ไฟ ซึ่งอยู่ด้านหลังสวน

เห็นว่า ไม่ถูกต้องเป็นการเบียดเบียนสิทธิและพื้นที่ใช้สอยส่วนบุคคล จึงไม่รับเงื่อนไขนี้ เลยไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานในการบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดสุรินทร์ที่ สภ.สุรินทร์ วันที่ 4 พ.ย.2560 ตำรวจแนะนำให้แจ้งกับ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์ เพื่อดำเนินการกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จ.สุรินทร์

แล้วเรื่องยังเงียบไปอีก

ไปตามเรื่องที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์ ได้ความว่า ทางศูนย์ดำรงธรรมติดต่อไปแล้ว แต่ทางการไฟฟ้าฯไม่ยอมมาคุยเลยทำอะไรไม่ได้ ให้ฟ้องเลย มีผู้แนะนำให้ไปร้องเรียนกับ อัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดสุรินทร์ วันที่ 18 ต.ค. ขอความช่วยเหลือและปรึกษา

...

เจ้าหน้าที่อัยการได้แจ้งผลการประสานงานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดสุรินทร์ว่าทางการไฟฟ้าฯมีข้อเสนอ 2 ข้อ คือให้เจ้าของที่ดินรื้อถอนเสาไฟฟ้าเอง หรือให้ทางการไฟฟ้าฯรื้อถอนให้โดยเจ้าของที่ดินจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนประมาณ 30,000 บาท

คนร้องบอกว่า จากข้อความแสดงให้เห็นว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนนี้ได้ขุดขยายสระ ปลูกพืชผสมผสานตามแนวหลัก “ทฤษฎีใหม่” ที่ไปอบรมมาทำน้ำหยด และได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรแล้ว ปัจจุบันต้องชะงักงัน เพราะไม่อาจดำเนินการต่อ ด้วยเกรงว่า หากการไฟฟ้านำรถใหญ่เข้าพื้นที่เพื่อรื้อถอนเสาไฟฟ้า ต้นไม้และพื้นที่ที่จะปรับปรุงพัฒนาต่ออาจเสียหายได้

เสียโอกาสทำอะไรในสวนนานถึง 2 ปี.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th