“กระทิงแดง” ยอมถอย ขอยกเลิกเช่าพื้นที่สาธารณะป่าห้วยเม็ก หลังโดนชาวบ้านต้านหนัก พ่อเมืองขอนแก่นจี้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเร่งตรวจสอบเอกสารการร้องเรียน‘กระทิงแดง’ ของชาวบ้านก่อนรายงานให้ รมว.มหาดไทย ภายใน 15 วันตามกำหนด นายก อบต.ยังเสียงแข็งยืนยันทำประชาคมถูกต้อง มีหลักฐานทุกขั้นตอนไม่มีคนคัดค้าน ขณะที่ชาวบ้านออกโรงท้าเอาเอกสารประชาคมฉบับจริงมากางต่อหน้ากันว่าใครเห็นชอบไม่เห็นชอบ ด้าน มท.1 ได้รับรายงานคณะกรรมการกรมที่ดินสรุปข้อเท็จจริงมีชาวบ้านคัดค้าน แต่เอกสารที่ส่งขึ้นมายังกระทรวงกลับสรุปว่าไม่มีปัญหา สั่งปลัด มหาดไทยตั้งกรรมการสอบสวนข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากทำผิดต้องโดนลงโทษทั้งวินัยและอาญา

หลังจากกลุ่มชาวบ้านหนองแต้ ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น พากันไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.อุบลรัตน์ กรณีถูกนำชื่อไปใช้ในการทำประชาคมเห็นชอบให้บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ในเครือกระทิงแดง ใช้พื้นที่สาธารณะห้วยเม็ก เนื้อที่ 31 ไร่ 2 งาน เป็นที่กักเก็บน้ำสำหรับโรงงาน ทั้งที่ไม่มีส่วนรู้เห็นและไม่ได้เข้าร่วมประชุมทำประชาคมด้วย แต่กลับถูกปลอมลายเซ็นชื่อในเอกสารที่ อบต.บ้านดง เสนอให้จังหวัดส่งไปยัง รมว.มหาดไทย ลงนามอนุมัติ ขณะเดียวกัน ได้รวบรวมเอกสารหลักฐานการร้องคัดค้านและการทำประชาคมที่ชาวบ้านไม่มีส่วนรู้เห็นมอบให้รองอธิบดีกรมที่ดินและยื่นเรื่องร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่นด้วย

ความคืบหน้าเมื่อช่วงเย็นวันที่ 15 ก.ย. บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ส่งเอกสารชี้แจงว่า การขออนุญาตเช่าพื้นที่สาธารณะห้วยเม็ก 31 ไร่ ซึ่งอยู่ติดกับพื้นที่ก่อสร้างโรงงานราว 500 ไร่ บริษัทฯได้ดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับและขั้นตอนทางกฎหมายของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง มีความประสงค์เพื่อปรับปรุงพัฒนาเป็นแหล่งเก็บกักน้ำและฟื้นฟูรักษาให้มีสภาพสมบูรณ์ รวมถึงเพื่อที่จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการน้ำให้ชาวบ้าน สอดคล้องกับนโยบายด้านกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทฯที่จะมุ่งช่วยเหลือชุมชนรอบโรงงาน อย่างไรก็ตาม ภายหลังเมื่อปรากฏมีผู้คัดค้านการขอเช่าพื้นที่ บริษัทฯก็พร้อมที่จะยกเลิกโครงการบริหารจัดการน้ำและยกเลิกใบอนุญาตเช่าพื้นที่สาธารณะห้วยเม็ก และให้ชุมชน ต.บ้านดง ได้บริหารจัดการกันเองต่อไป

...

ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชา–วิทย์ ผวจ.ขอนแก่น เผยว่า ชาวบ้านในพื้นที่ได้ดำเนินการตามลำดับขั้นตอนต่างๆ ทั้งการร้องเรียนและยื่นเอกสารมาที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแล้ว สั่งการให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรวจสอบและดำเนินการตามที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ไว้ พร้อมทั้งมอบหมายให้นายสุวพงศ์ กิตติภัทย์พิบูลย์ รอง ผวจ.ขอนแก่น เข้าไปกำชับดูแลการทำงานของศูนย์ดำรงธรรมด้วย ส่วนการระงับหรือยกเลิกสัญญาเช่านั้นยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากทางจังหวัดและศูนย์ดำรงธรรมต้องตรวจสอบให้ละเอียดทุกอย่าง รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 14 หน่วยงาน รายงานข้อเท็จจริงในการเห็นชอบการทำสัญญาเช่าด้วย หากทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์จะรายงาน รมว.มหาดไทย ทันที ไม่น่าจะเกิน 15 วันตามที่สั่งการลงมา

พ.ต.อ.ยุทธกร วงเวียน ผกก.สภ.อุบลรัตน์ เผยว่า ตอนแรกชาวบ้านต้องการมาแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายเกี่ยวกับการปลอมแปลงลายมือชื่อในเอกสาร แต่ไม่มีความชัดเจนของบุคคลที่ปลอมแปลง จึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพียงอย่างเดียว ยังไม่ระบุว่าต้องการดำเนินคดีกับบุคคลใด ตำรวจจึงยังไม่มีการสอบสวนหรือสืบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หากชาวบ้านมีพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่ามีบุคคลใดปลอมรายชื่อก็สามารถมาแจ้งความเพิ่มเติมได้

ต่อมาผู้สื่อข่าวติดต่อสัมภาษณ์ จ.ส.อ.อดุลศักดิ์ เล่ห์กัน นายก อบต.บ้านดง ชี้แจงกรณีที่ชาวบ้านนำเอกสารหลักฐานการคัดค้านให้เช่าที่ป่าสาธารณะห้วยเม็กและไม่ได้เซ็นชื่อเห็นชอบในการทำประชาคมไปยื่นร้องเรียนว่า อบต.มีหลักฐานการทำประชาคมทุกขั้นตอน การทำประชาคมครั้งแรกทำที่ อบต.บ้านดง มีชาวบ้าน 15 หมู่บ้านมาร่วม ครั้งที่สองทางจังหวัดส่งเรื่องกลับมาทำใหม่เจาะจงเอาเฉพาะบ้านหนองแต้ หมู่ 5 และหมู่ 6 ซึ่งเป็นหมู่บ้าน ที่อยู่ใกล้พื้นที่ป่าดังกล่าว อบต.จึงสั่งให้ผู้ใหญ่บ้านทำประชาคมใหม่อีกครั้งก็ไม่มีการคัดค้าน จึงส่งเรื่องเข้าไปตามขั้นตอนจนมาสู่การอนุญาตให้เช่าและใช้พื้นที่ ขอยืนยันว่า อบต.ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านหนองแต้ สอบถามนายสมเกียรติ พาคำ อายุ 62 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่ร่วมคัดค้านมาตลอดยืนยันว่า ไม่เคยทราบเรื่องประชาคมและอยากให้ อบต.บ้านดง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาเอกสารการทำประชาคมตัวจริงมากางต่อหน้า มาชี้แจงกัน รวมทั้งเอาคนที่มีชื่อในการประชาคมมาสอบถามว่าเห็นชอบและไม่คัดค้านจริงหรือไม่ เพราะชาวบ้านหลายคนมีชื่อในประชาคมทั้งๆที่ไม่เคยเข้าร่วมหรือเซ็นชื่อใดๆสนับสนุนให้บริษัทกระทิงแดงเช่าและใช้พื้นที่ป่าห้วยเม็ก

ขณะที่นายพิสิทธิ์ ผิวสว่าง อายุ 54 ปี ชาวบ้านอีกคนนำเอกสารการประชุมประชาคมเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนบ้านหนองแต้ หมู่ 5 และหมู่ 6 ที่เคยใช้ประโยชน์ร่วมกันในที่ดินของรัฐ ประเภท “ทางสาธารณประโยชน์” และแปลง “ห้วยเม็ก สาธารณประโยชน์” เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2558 ณ ศาลาประชาคมบ้านหนองแต้ หมู่ 6 มาแสดงให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกล่าวว่า ตามเอกสารที่ได้มาพบว่าตัวเองมีชื่ออยู่ในลำดับที่ 81 แต่เป็นชื่อเดิมคือชื่อนายวิชิต ผิวสว่าง ทั้งที่ตนเปลี่ยนชื่อมานานเกือบ 30 ปีแล้ว ถ้าทำประชาคมถูกต้อง ชื่อต้องถูกต้องตรงกันกับชื่อที่ใช้ในปัจจุบัน คือนายพิสิทธิ์ ผิวสว่าง ดังนั้นเอกสารประชาคมที่ทางราชการมีอยู่จึงเป็นประชาคมปลอม อยากให้นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เข้ามาจัดการแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งคืนผืนป่าให้ชาวบ้านด้วย

ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เผยว่า ได้รับรายงานจากคณะกรรมการกรมที่ดินที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะขั้นตอนสำคัญในการสอบถามความคิดเห็นประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่หรือการทำประชาคมนั้น เบื้องต้นพบว่า มีประชาชนที่ใช้ประโยชน์มาลงชื่อคัดค้าน แต่ในเอกสารจากอำเภอที่ส่งขึ้นมาถึงจังหวัด กรมที่ดิน และกระทรวงมหาดไทย กลับสรุปว่าไม่มีปัญหา ดังนั้นจึงไม่น่าจะถูกต้องเพราะเป็นข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริง ขั้นตอนต่อไปจะให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากพบว่าขั้นตอนดำเนินการชอบด้วยอำนาจหน้าที่ก็ยืนยันตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติให้ใช้ แต่ถ้าไม่ถูกต้อง เรื่องนี้ก็ต้องมีคนรับผิดชอบทั้งวินัยและอาญา ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนที่ออกมา

...