แม่วอน ตร. ช่วยตามหา ลูกสาววัย 10 ขวบ หายไปกับหญิงสาวในหมู่บ้าน อ้างจะพาไปเติมเงินมือถือ-ซื้อขนมให้ หวั่นข้ามไปฝั่งเมียนมา ที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์
วันที่ 14 มกราคม 2568 นางคำพร อ่อนเกตุ อายุ 40 ปี ชาว อ.แม่สอด จ.ตาก เข้าพบ ร.ต.อ.ดิษฐา บัวสำลี รอง สว.สอบสวน สภ.แม่สอด เพื่อแจ้งความตามหา ด.ญ.ธรรมพร อ่อนเกตุ อายุ 10 ปี ซึ่งเป็นบุตรสาวของตนที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังไม่พบตัว ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน
โดยนางคำพร แจ้งว่า ด.ญ.ธรรมพร ได้หายตัวไปกับ น.ส.แวว (นามสมมติ) อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นหญิงสาวในหมู่บ้านเดียวกัน โดยการพูดชักชวนกัน อ้างว่าจะพาไปเติมเงินโทรศัพท์ และจะซื้อขนมให้ ที่บริเวณหน้าบ้าน นายสมนึก สามี ในพื้นที่ ม.2 ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา จากนั้นทั้งสองคนก็ไม่กลับมาอีกเลย
กระทั่งวันที่ 13 มกราคม 2568 ทราบว่า น.ส.แวว ไปที่บ้านแม่โกนเกน อ.แม่สอด จึงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตู้ยามบริการประชาชนบ้านเจดีย์โค๊ะ ประสานทหาร ฝ่ายปกครอง ช่วยกันหาตัว ด.ญ.ธรรมพร บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา จนพบจักรยาน 1 คัน และผ้าพันคอของ น.ส.แวว บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเมย บ้านแม่โกนเกน อ.แม่สอด ติดชายแดนเมียนมา แต่ไม่พบทั้งสองคน จึงนำรถจักรยานกลับมาที่บ้านนายสมนึก
...
นางคำพร กล่าวว่า ขอให้ตำรวจช่วยติดตามหาบุตรสาวให้ด้วย ก่อนเกิดเหตุ น.ส.แวว ได้ขอเงินตน 200 บาท แต่ตนไม่ให้ เพราะเคยขอบ่อย วันเกิดเหตุ น.ส.แวว อ้างว่าจะพาลูกตนไปเติมเงินโทรศัพท์ และจะซื้อขนมให้ จากนั้นก็หายตัวไป
ด้าน นายสมนึก กล่าวว่า ตนไม่อยู่บ้าน แต่ภรรยาเล่าให้ฟังว่า น.ส.แวว ชักชวนเด็กไปเติมเงินโทรศัพท์ จากนั้นก็หายไป พอไปตามที่บ้านแม่โกนเกน พบผ้าพันคอกับจักรยาน มีคนเล่าว่า น.ส.แวว อ้างกับชาวบ้านที่บ้านแม่โกนเกนว่า จะพาเด็กไปงมหอยในแม่น้ำเมย ทั้งที่ในแม่น้ำเมยไม่มีหอย ญาติๆ ตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งคู่อาจจะข้ามไปฝั่งเมียนมา ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งของแก๊งคอลเซนเตอร์ จึงอยากให้ช่วยติดตามตัวเด็กกลับมาให้ด้วย