เกษตรกรผู้ปลูกกระท่อมที่เชียงรายรวมตัวแจ้งความ บริษัทหลอกขายต้นกล้ากระท่อม ขายปุ๋ย การันตีรับซื้อใบสดราคางาม แต่สุดท้ายสูญเงินเปล่า ขายได้เงิน 1-2 งวดแล้วหาเรื่องไม่รับซื้อ มีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายหลัก 100 ล้านบาท
วันที่ 30 มี.ค. 67 ร.ต.อ.พินิจ อสุพล รอง สว.(สอบสวน) สภ.แม่ยาว จ.เชียงราย ปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวน ได้รับแจ้งจากกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกต้นกระท่อมประมาณ 10-20 ราย เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ว่า พวกตนได้ตกลงขายใบกระท่อมให้กับเอกชนรายหนึ่งที่ประกาศรับซื้อ แต่ปรากฏว่าเมื่อนำผลผลิตที่ปลูกไปส่งขายกลับไม่ได้รับเงิน เบื้องต้นในเฉพาะกลุ่มตน มีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหาย รายละตั้งแต่หลักหมื่นไปถึงหลายแสนบาท ถ้ารวมผู้เสียหายกลุ่มอื่นแล้วน่าจะไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
นางสุชาดา ตาทอง เกษตรการจาก ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน เผยว่า ในกรณีของตน เมื่อประมาณเดือน ก.พ. 65 มีคนที่รู้จักกันได้มาชักชวนให้ลงทุนปลูกต้นกระท่อมกับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งมีที่อยู่ในพื้นที่ ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย ตนเห็นว่ามีรายได้ดี ก็เลยไปกู้เงินกองทุนหมู่บ้านมาลงทุน จำนวน 60,000 บาท และเมื่อถึงกำหนดเก็บผลผลิต ก็เอาไปส่งขาย โดยรอบแรกขายได้ประมาณ 14,000 บาท รอบ 2 ได้ประมาณ 5,000 กว่าบาท แต่รอบที่ 3 และ 4 ซึ่งเป็นยอดเงิน 60,000 กว่าบาท และ 30,000 กว่าบาทตามลำดับ บริษัทไม่ได้จ่ายเงินให้ตามที่ตกลง ผัดผ่อนเรื่อยมา จนถึงตอนนี้เกือบจะครบ 4 เดือนก็ยังไม่ได้เงิน แต่ตนต้องส่งดอกเบี้ยกองทุนทุกเดือน เดือดร้อนมาก
นายมนตรี จินดาหลวง อายุ 45 ปี เกษตรกรจาก ต.ศรีค้ำ อ.แม่จัน กล่าวว่า เอกชนรายนี้ได้ทำข้อตกลงกับพวกตนในปี 2564 ว่าจะรับซื้อใบกระท่อมแบบใบสดไม่คัดเกรดกิโลกรัมละ 200 บาท ทำให้เกษตกรในกลุ่มของตนประมาณ 100 รายพากันปลูก และเอกชนได้ขายต้นกล้ารุ่นแรกแบบเสียบยอดต้นละ 180 บาท ต่อมาใช้การหยอดเมล็ดต้นกล้าละ 150 บาท ซึ่งทราบว่านอกจากกลุ่มของพวกตนแล้วยังมีการไปส่งเสริมการปลูกในอำเภออื่นๆ อีก บางรายลงทุนเป็นมูลค่า 1-2 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าต่อมาเอกชนแจ้งว่าจะไม่รับซื้อใบสดแล้ว แต่จะรับซื้อใบอบแทน ทำให้เกษตรกรบางรายต้องลงทุนสร้างโรงอบเป็นโดมพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นการเพิ่มภาระให้กับเกษตรกรไปอีก จากนั้นเมื่อนำใบอบไปส่งขายกลับได้รับเงินเพียง 1 งวดจากทั้งหมด 3-5 งวด บางรายเสียหายนับแสนบาท ซึ่งพวกตนยังไม่ได้รวบรวมตัวเลขความเสียหายอย่างเป็นทางการ แต่ในภาพรวมคาดว่ามีถึง 100-200 ล้านบาท
...
นายมนตรี เผยอีกว่า เมื่อได้รับข้อมูลและข้อเสนอมา ทำให้คนที่มีที่นาหรือที่ว่างเปล่าพากันปลูก เพราะเขาบอกว่าจะรับซื้อกิโลกรัมละ 200 บาท ซึ่งพวกเราคิดว่าเป็นใบไม้ และรับซื้อใบสดจึงเห็นว่าคุ้มค่าแน่นอน แต่เรื่องก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะเขาเคยบอกว่าใช้เวลา 8 เดือนก็เก็บใบขายได้ แต่ผ่านไป 1 ปีก็เก็บไม่ได้ หรือ 1 ปีครึ่งก็ยังเก็บไม่ได้ ถึง 2 ปีก็ยังเก็บไม่ได้ เขาจึงแนะนำให้ซื้อปุ๋ยและน้ำหมักที่นำมาขายให้ กระทั่งต่อมาเก็บใบส่งขายแบบใบแห้งให้ไป 5-6 งวด ปรากฏว่าได้เงินแค่งวดเดียว โดยเอกชนเริ่มหยุดจ่ายเงินให้ตั้งแต่เดือน ส.ค.-ก.ย. ที่ผ่านมา สงสัยและสอบถามไปยังเอกชนว่ามีการส่งออกผลิตภัณฑ์สารสกัดใบกระท่อมไปยังต่างประเทศจริงหรือไม่ มีรูปภาพ เอกสารการส่งออก ฯลฯ หรือไม่ แต่ก็ไม่มีการเปิดเผยแต่อย่างใด ดังนั้นหากการแจ้งความกับตำรวจไม่คืบหน้า พวกเราจะไปแจ้งกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ต่อไป รวมทั้งอยากให้ผู้เสียหายรายอื่นๆ ให้รักษาสิทธิ์ อย่าให้ถูกหลอกลวงอีก อยากให้ผู้ที่ได้รับความเสียหาย ให้ออกมาแจ้งความกันเยอะๆ เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเอง
ด้านนายณรงค์ ใจปินตา อายุ 56 ปี ชาว ต.แม่คำ อ.แม่จัน กล่าวว่าตนเคยขายใบกระท่อมให้เอกชนรายนี้ ได้เงิน 1-2 งวด แต่งวดที่ 3 ปรากฎว่าไม่ยอมจ่ายเงินเป็นมูลค่าประมาณ 48,000 บาท และตนยังเสียค่าทำโรงอบอีกประมาณ 50,000 บาท โดยระหว่างรอเงินตนได้เก็บผลผลิตงวดที่ 4 ไปส่งให้บริษัท แต่เขาอ้างว่าผลผลิตเป็นเชื้อรา ไม่รับซื้อ ตีเป็นเงินประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท เมื่อไม่ได้ขายก็าเอากลับมาทำเป็นปุ๋ย และวันนี้จึงมารวมตัวกันเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี