เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เองหัวหน้าทีมซอกแซกได้รับเชิญจากคุณบัณฑูร ลํ่าซำ อดีตประธานใหญ่ของธนาคารกสิกรไทย ที่หันหลังให้แก่วงการธนาคารโดยสิ้นเชิง เพื่อไปทำหน้าที่บริหารและจัดการโครงการ “น่านแซนด์บ็อกซ์” อย่างเต็มตัวที่จังหวัดน่าน

น่านแซนด์บ็อกซ์ โครงการทดลองเพื่อหาทางลดการตัดไม้ทำลายป่า และหันมาปลูกป่าให้เขียวขจีมากขึ้น เพื่อจะนำรูปแบบมาใช้กับทั่วจังหวัดน่านเอง และจังหวัดอื่นๆที่มีปัญหาที่คล้ายคลึงกัน ได้เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ.2561 จนถึงบัดนี้เป็นเวลาเกือบ 5 ปีเข้าไปแล้ว

หัวหน้าทีมซอกแซกที่สนใจในปัญหาเรื่องนี้อยู่ด้วยเช่นกัน จึงเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่ควรจะขึ้นไปดูถึงพื้นที่กันสักหน่อยว่า ณ บัดนาวนี้ โครงการ “น่านแซนด์บ็อกซ์” ก้าวหน้าไปถึงไหนแล้วบ้าง

จึงตอบรับคำเชิญของเจ้าสัวปั้นด้วยความยินดี

เรื่องราวความคืบหน้าของโครงการ “น่านแซนด์์บ็อกซ์” ซึ่งค่อนข้างจะเป็นเรื่องทางวิชาการที่จะมีผลต่อการจัดทำนโยบายเพื่อการอนุรักษ์ป่าต่อไปในอนาคต ขออนุญาตเก็บไว้รายงานในคอลัมน์วันปกตินะครับ...เท่าที่ตั้งใจไว้จะเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ (จันทร์ที่ 6 มีนาคม) เป็นต้นไป

แต่สำหรับคอลัมน์ “ซอกแซก” วันอาทิตย์เป็นคอลัมน์สบายๆ เน้นความสุข ความสดชื่นเป็นหลัก จึงขอหยิบเรื่องเบิกบานสำราญใจ หรือเรื่อง “ท่องเที่ยว” มานำเสนอก่อนตามระเบียบ

จังหวัดน่านหรือเมืองน่านซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งทางทิศตะวันออกสุดของภาคเหนือ เดิมเคยชื่อว่า นันทบุรี รัฐเล็กๆรัฐหนึ่งที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นเมื่อ พ.ศ.1800 เป็นต้นมา จึงมีสิ่งปลูกสร้างในเชิงประวัติศาสตร์ เช่น วัดวาอาราม และศูนย์รวมของเมืองที่เรียกว่าข่วงเมืองให้ดูชมมากมาย

...

ในขณะเดียวกันการเป็นเมืองที่ห้อมล้อมด้วยขุนเขาแมกไม้ก็เต็มไปด้วยความร่มเย็น มีที่พัก หรือรีสอร์ตเชิงเขาเกิดขึ้นหลายแห่งกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวใหม่ ที่นักท่องเที่ยวเริ่มยึดถือเป็นเมืองเป้าหมายของการท่องเที่ยวมากขึ้น

ประกอบกับเส้นทางหรือถนนสำหรับการขับรถยนต์ไปสู่จังหวัดน่าน ก็ค่อนข้างสะดวกสบาย จาก กทม.ถึงน่านเพียง 668 กิโลเมตรเท่านั้น โดยใช้ ทางหลวงหมายเลข 32 ไปสู่นครสวรรค์แล้วเปลี่ยนเข้าใช้ทางหลวง 117 พิษณุโลก น่าน อุตรดิตถ์ ไปสิ้นสุดที่จังหวัดแพร่...จากแพร่ก็เปลี่ยนเข้าสู่ ทางหลวงหมายเลข 101 ถึงตัวจังหวัดน่านในที่สุด

ส่วนการเดินทางโดยเครื่องบินนั้น ก็มีสายการบินออกบินจากดอนเมืองสู่สนามบิน น่านนคร ถึง 3 สายด้วยกัน ได้แก่ นกแอร์, ไทยไลอ้อนแอร์ และ แอร์เอเชีย ซึ่งวันๆหนึ่งก็บินหลายเที่ยวอยู่พอสมควร สามารถหาข้อมูลจากสายการบินทั้ง 3 สายได้ไม่ยากนัก

สำหรับหัวหน้าทีมซอกแซกไปน่านเที่ยวนี้ด้วยสายการบินแอร์เอเชียถึงโน่นเย็นๆก็เข้าพักที่ โรงแรมพูคาน่านฟ้า ถนนสุมนเทวราช ใจกลาง เมืองน่าน ซึ่งเคยเป็นโรงแรมไม้เก่าแก่ สร้างขึ้นเมื่อกว่า 80 ปีมาแล้ว ต่อมาคุณ บัณฑูร ลํ่าซำ ไปเที่ยวเมืองน่านติดใจความเก่าแก่และเป็นโรงแรมไม้แห่งเดียวในท่ามกลางโรงแรมตึก จึงได้ตัดสินใจซื้อมาปรับปรุงใหม่ แต่ยังคงความเป็นโรงแรมไม้ไว้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์

ในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดน่านนั้น เฉพาะในเขตอำเภอเมืองและใกล้เคียงส่วนใหญ่จะเป็นวัดวาอารามต่างๆ เช่น วัดภูมินทร์, วัดมิ่งเมือง, วัดพระธาตุเขาน้อย และ วัดพระธาตุแช่แห้ง ที่แม้จะอยู่ในเขตอำเภอภูเพียงก็จริงแต่อยู่ห่างจากตัวเมืองน่านแค่ 2-3 กิโลเมตรเท่านั้น

แต่ละวัดล้วนมีประวัติศาสตร์อันยาวนานเคียงคู่กับเมืองน่านมาแต่โบราณกาลแทบทั้งสิ้น แต่ด้วยเวลาอันจำกัดหัวหน้าทีมและคณะสามารถไปกราบไหว้ได้เพียง 2 วัด ส่วนวัดอื่นๆนั้นก็ใช้วิธีไหว้จากหน้าต่างรถตู้ ซึ่งจะวิ่งผ่านไปผ่านมาวันละหลายๆเที่ยว

สำหรับวัดที่แวะไปกราบไหว้วัดแรก ได้แก่ วัดภูมินทร์ ซึ่งแต่เดิมเคยชื่อว่า วัดพรหมมินทร์ ถือเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองน่าน

ตามประวัติระบุว่าวัดภูมินทร์มีอายุมากกว่า 400 ปี เป็นวัดเพียง 1 เดียวในประเทศไทยที่มีพระอุโบสถสร้างเทินอยู่บนตัวพญานาคใหญ่ 2 ตัว และก็เป็นทั้งโบสถ์และวิหารที่อยู่ด้วยกันมีประตู 4 ทิศ และพระพุทธรูป 4 องค์ ประดิษฐานอยู่ด้วยกันและหันหน้าไปทั้ง 4 ทิศ

ส่วนหนึ่งของพระอุโบสถมีภาพเขียนฝีมือช่างเขียนโบราณหลายต่อหลายภาพ รวมทั้งภาพที่มีชื่อเสียงมาก ได้แก่ ภาพ “กระซิบรักบันลือโลก” ที่มีชื่อภาพดั้งเดิมว่า ปู่ม่านย่าม่าน โดยมีชายและหญิงคู่หนึ่งยืนเคียงข้างกันและฝ่ายชายยกมือขวาขึ้นป้องปากเหมือนกระซิบอะไรสักอย่าง

ภาพนี้วาดโดย หนานบัวผัน ศิลปินน่านเมื่อ พ.ศ.2410-2417 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ในระหว่างการบูรณะพระอุโบสถวัดภูมินทร์ พร้อมคำบรรยายภาพเป็นภาษาเหนือ ที่สามารถถอดความเป็นบทกวีว่าด้วยความรักที่อ่อนหวานและเต็มไปด้วยการเปรียบเปรยที่ซาบซึ้งยิ่ง

สำหรับด้านหน้าของวัดภูมินทร์จะเป็นบริเวณที่เรียกว่า “ข่วงเมืองน่าน” ซึ่งจะใช้เป็นที่จัดแสดงและจัดพิธีกรรมต่างๆมาแต่โบราณกาล เพราะเป็นบริเวณที่ว่างกลางเมืองรายล้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ต่างๆ

...

เมื่อครั้งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา ทางจังหวัดน่านได้จัดงานเฉลิมฉลองถวายพระองค์ท่านขึ้นที่นี่ ซึ่งหัวหน้าทีมซอกแซกมีโอกาสเข้าเฝ้าฯรับเสด็จและร่วมถวายพระพรชัยมงคลในวันดังกล่าวด้วย นับเป็นโอกาสอันสำคัญยิ่งครั้งหนึ่งในชีวิตที่ยังจดจำมาถึงวันนี้

ปัจจุบันนี้บริเวณ “ข่วงเมือง” ดังกล่าว จะกลายเป็น “ถนนคนเดิน” ของเมืองน่าน ในช่วงเย็นๆของวันศุกร์-เสาร์และอาทิตย์ ถือเป็น “ไฮไลต์” ประการหนึ่งของเมืองน่านในปัจจุบัน

ด้วยเหตุนี้การไปวัดภูมินทร์เพียงวัดเดียว ได้สักการะพระพุทธรูปสำคัญ ได้ถ่ายภาพกับ “ปู่ม่านย่าม่าน” และเมื่อออกไปด้านทิศเหนือมองเห็นข่วงเมืองน่านอยู่ข้างหน้า...ก็น่าจะถือได้ว่าหัวหน้าทีมซอกแซก “ไปถึง” จังหวัดน่านแล้วโดยสมบูรณ์ทุกประการ.

“ซูม”