ชีวิตของพ่อค้าแม่ค้า ย่านถนนช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ และไนท์บาซาร์ ยามค่ำคืนยังสู้กับน้ำด้วยการวางกระสอบทราย โรงแรมคนแห่คืนห้องพัก ส่วนแม่น้ำปิงเริ่มทรงตัวแล้ว คาดหากฝนไม่ตกเพิ่มแห้งแน่
หลังจากเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 3 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมบนถนนช้างคลาน ย่านเศรษฐกิจการค้าสำคัญ ใน ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ระดับน้ำยังคงทรงตัวอยู่ที่ 30-50 เซนติเมตร ท่วมถนนตลอดทั้งสาย รวมไปถึงย่านการค้าไนท์บาซาร์และถนนเจริญประเทศที่เชื่อมโยงกัน ทำให้ผู้ประกอบการร้านค้ายังคงเดือดร้อน แม้จะนำกระสอบรายมาทำแนวป้องกันและรถที่ผ่านไปมาก็ทำให้เกิดคลื่นน้ำปะทะจนพังเสียหายและน้ำเข้าไปในร้านค้า เจ้าของร้านค้าต้องมาคอยนั่งเฝ้าหน้าร้านเพื่อคอยเตือนรถที่ขับผ่านไปมา
...
ขณะที่ประชาชนที่ต้องใช้เส้นทางก็ยังต้องลำบาก รถจักรยานยนต์จมน้ำเสียหายไปหลายคัน แม้ระดับน้ำจะถูกป้องกันไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่ภายในร้านค้า แต่สถานการณ์น้ำท่วมก็สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่น้อย เพราะไม่สามารถเปิดกิจการได้ตามปกติ ส่วนโรงแรมหลายแห่ง นักท่องเที่ยวพากันย้ายออก ส่วนที่จองไว้ล่วงหน้าก็แจ้งยกเลิกจากข่าวที่ถูกเผยแพร่
ต่อมาในเวลา 22.30 น. บริเวณถนนช้างคลาน ช่วงตลาดกลางคืนไนท์บาซาร์ น้ำที่ท่วมเริ่มทยอยลดลงตามลำดับรถยนต์และจักรยานยนต์สามารถผ่านไปมาได้ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวออกมาเดินเที่ยวชมสถานการณ์น้ำท่วมกันและพากันถ่ายภาพไลฟ์สดกันถึงย่านการค้า แหล่งสินค้ากลางคืนใหญ่ของเมืองเชียงใหม่ถูกน้ำท่วม ซึ่งร้านอาหารที่มีดนตรีในพื้นที่น้ำท่วมยังเปิดบริการ ให้นั่งดื่มกินฟังดนตรี และชมน้ำท่วมไปด้วย คาดว่าในช่วงเช้าย่านไนท์บาซาร์น้ำอาจจะลดลงหมดแล้ว หากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำเติม
ส่วนที่สถานีวัดระดับน้ำ p1 เชิงสะพานนวรัฐ ล่าสุดในเวลา 19.00 น. ระดับน้ำทรงตัวอยู่ที่ 4.65 เมตร ติดต่อกันเป็นชั่วโมงที่สาม สอดคล้องกับระดับน้ำที่สถานี p67 อ.สันทราย ที่เริ่มลดลงตั้งแต่ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา โดยคาดว่าหลังสี่ทุ่มคืนนี้ระดับน้ำในเขตตัวเมืองเชียงใหม่จะลดลงตามลำดับ แต่สถานการณ์ก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะว่าพื้นที่ทางตอนเหนือทั้ง อ.เชียงดาว และ อ.แม่แตง ยังคงมีฝนตก อาจเพิ่มมวลน้ำลงสู่แม่น้ำปิงอีกระลอกได้
ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ ระดับน้ำถือว่าใกล้เคียงกับอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในปี 2554 ที่ผ่านมา โดยในครั้งนั้นระดับน้ำสูงสุดอยู่ที่ 4.95 แต่สำนักชลประทานที่ 1 เชื่อว่าจะส่งผลกระทบน้อยกว่าปี 54 เพราะว่ามีการสร้างพนังกั้นน้ำ ตลอดสองฝั่งแม่น้ำปิงในพื้นที่ลุ่มต่ำที่เป็นจุดเสี่ยงน้ำท่วมตลอดแนว อาจมีบางจุดที่น้ำสูงเกินจนทะลักเข้าท่วม.