สถานีพัฒนาที่ดินแม่ฮ่องสอน ส่งเสริมเกษตรกรรู้จักการจัดการดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ในแปลงใหญ่มะม่วงน้ำดอกไม้ ส่งผลให้เอกชนรับซื้อผลผลิตปลอดภัย กก.ละไม่ต่ำกว่า 20 บาท
เมื่อวันที่ 5 ก.ค.64 นายจอมพล กฤษณสุวรรณ นักวิชาการเกษตรชำนาญการ สถานีพัฒนาที่ดินแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายส่งเสริมเกษตรกรในทั่วทุกจังหวัดของประเทศไทยให้มีการรวมกลุ่มแปลงใหญ่ขึ้น เพื่อให้เกษตรกรปลูกพืชที่มีคุณภาพและสร้างรายได้ สร้างอัตลักษณ์ผลไม้ประจำถิ่น ให้เป็นที่รับทราบโดยทั่วกันและสามารถต่อรองราคากับท้องตลาดได้ โดยแม่ฮ่องสอนเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีการส่งเสริมเกษตรกรให้รวมกลุ่มเป็นแปลงใหญ่ เช่น บ้านหนองผาจ้ำ ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ที่รวมกลุ่มแปลงใหญ่มะม่วงน้ำดอกไม้ขึ้น มีสมาชิกกว่า 40 ราย ที่กว่าจะรวมตัวเป็นกลุ่มนั้นไม่ง่ายเลย เพราะสภาพพื้นที่ดินยังขาดความอุดมสมบูรณ์ ขาดองค์ความรู้ในการทำเกษตร
"สถานีพัฒนาที่ดินแม่ฮ่องสอน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเกษตรกร จึงได้ลงพื้นที่ให้ความรู้ ตรวจดินวิเคราะห์ดิน ใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน และส่งเสริมเกษตรกรในการใช้ปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพของกรมพัฒนาที่ดิน ที่นอกจากจะได้เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ในดินแล้ว เกษตรกรยังสมารถลดต้นทุนการผลิตได้อีกด้วย โดยมีหน่วยงานต่างๆ เข้ามาดูแลบูรณาการร่วมกันกับสถานีพัฒนาที่ดินแม่ฮ่องสอนด้วย โดยเกษตรกรมีวิธีการดูแลต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ โดยการหวานปุ๋ยหมักรอบทรงพุ่ม และกลบด้วยเศษตอซังพืช เป็นการเพิ่มความชุ่มชื่นบริเวณโคนต้นมะม่วง ซึ่งเทคนิคการทำการเกษตรดีๆ แบบนี้ก็ได้รับมาจากสถานพัฒนาที่ดินแม่ฮ่องสอนนั่นเอง"นายจอมพลกล่าว
...
นายเธียรชัย แซ่จู หมอดินอาสาประจำหมู่บ้านหนองผาจ้ำ หรือประธานแปลงใหญ่มะม่วงน้ำดอกไม้ กล่าวว่า จากเดิมพื้นที่ตรงนี้ ปลูกพืชเชิงเดี่ยว เกษตรกรจึงรวมกลุ่มปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้ โดยมีตลาดรองรับให้กิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 20 บาท พร้อมปลูกพืชแซมใต้ต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้จากหลายทาง ซึ่งจะเห็นได้ว่ามะม่วงน้ำดอกไม้เป็นพืชที่ทนแล้งดีที่สุด สิ่งที่จูงใจให้เกษตรกรทำคือมีบริษัทรองรับอยู่ผลผลิตของกลุ่มแปลงใหญ่ สถานีพัฒนาที่ดินแม่ฮ่องสอน ยังช่วยเหลือเกษตรกรหลายด้าน เช่น สาธิตการตรวจวิเคราะห์ดิน สนับสนุนปัจจัยการผลิตในการทำน้ำหมักชีวภาพ พด.2 ปุ๋ยหมักชีวภาพ พด.1 ตรวจวิเคราะห์ค่าดินทำให้มีดินที่ดีขึ้น ส่งผลไปสู่การมีผลผลิตที่มีคุณภาพ
กลุ่มแปลงใหญ่มะม่วงน้ำดอกไม้บ้านหนองผาจ้ำ ถือว่ามีการพัฒนาในการปลูกพืชที่ดีขึ้นจากเดิม มีปลูกพืชแซมในร่องสวนเพื่อสร้างรายได้ และจะเห็นได้ว่าสถานีพัฒนาที่ดินแม่ฮ่องสอน ก็ยังยืนหยัดช่วยเหลือเกษตรกรในทุกพื้นที่ พร้อมมุ่งเน้นให้เกษตรกรลดการใช้สารเคมี และหันมาทำการเกษตรอินทรีย์ ซึ่งนอกจากส่งผลให้ดีต่อตัวของเกษตรกรเองแล้ว ยังส่งผลต่อระบบนิเวศในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน ให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย.