พูดถึงวัชพืชเกษตรกรต่างเข็ดขยาดไปตามๆ กัน ด้วยเป็นหนึ่งในต้นทุนสำคัญที่จะต้องกำจัดให้หมดไปจากแปลงปลูก เพราะเป็นพืชไม่มีค่า ไร้ราคา แถมยังจะมาแย่งอาหารทำให้พืชที่เกษตรกรปลูกให้ผลผลิตไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
แม้วัชพืชจะเป็นที่น่ารังเกียจก็ตาม แต่ในอีกมุม วัชพืชใช่จะไร้ประโยชน์ไร้ราคาเสมอไป ถ้าเรารู้จักเอามาใช้ประโยชน์ ในแบบถูกที่ถูกทาง วัชพืชสามารถเป็นพืชทำเงินให้เกษตรกรได้เช่นกัน
อย่างกรณี วสันต์ อามง เกษตรกรรุ่นใหม่วัย 21 ปี บ.แม่งาวใต้ ต.บ้านร้อง อ.งาว จ.ลำปาง ที่วันนี้หันมาเอาจริงเอาจังกับการประคบประหงมเลี้ยงดูวัชพืชที่เรียกกันว่า...ปืนนกไส้
“ก่อนหน้าที่ผมไม่เคยรู้เลยว่าวัชพืชตัวนี้จะปลูกขายได้ มารู้ด้วยความบังเอิญจากการลงทุนเพาะต้นกล้าดอกดาวเรืองขายทางออนไลน์ แต่ต้องล้มเหลวเพราะมีคนสั่งซื้อ เราส่งของไปแล้ว เขาไม่จ่ายเงินให้เรา จนต้องเลิกไปเพราะหมดเงินทุนที่จะทำต่อ แต่ในตอนที่ขายเพาะกล้าต้นดาวเรือง ผมได้ไลฟ์สดเชิญชวนให้คนมาซื้อต้นกล้า และมีการถ่ายภาพสถานที่ในบริเวณหมู่บ้าน เป็นความบังเอิญที่ไม่ได้ตั้งใจที่มีภาพของต้นวัชพืชปืนนกไส้ติดเข้าไปด้วย ซึ่งที่บ้านผมเรียกว่า หญ้าก้นจ้ำ
...
ทำให้นักธุรกิจไทยเชื้อสายอินเดียสนใจ เข้ามาโพสต์ถาม ในหมู่บ้านมีวัชพืชต้นนี้มั้ย ถ้ามีเขาสนใจที่จะรับซื้อ ตอนนั้นก็ไม่สนใจอะไรมากนัก เพียงแต่สงสัยว่า มันคือต้นอะไร มีประโยชน์อย่างไร จึงเข้าไปค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เลยได้รู้ประโยชน์ ไม่ใช่เป็นวัชพืชอย่างที่เราต้องถอนทิ้ง และมีอยู่วันหนึ่ง ผมกับพ่อไปสร้างกระท่อมในสวน พ่อถูกมีดบาดขา ที่ผ่านมาเรารู้แต่ว่า ใบสาบเสือเอามาตำปิดแผลจะช่วยห้ามเลือดได้ ผมเลยลองเอาใบต้นปืนนกไส้มาปิดแผลให้พ่อ ปรากฏว่า แค่นาทีเดียวเลือดหยุดไหล”
วสันต์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการหันมาทำสวนปืนนกไส้ วัชพืชที่ขึ้นอยู่ดาษดื่นในหมู่บ้านให้ชาวบ้านถอนทิ้งกันไม่หวาดไม่ไหว เพราะไม่เคยรู้ถึงสรรพคุณด้านดีของวัชพืชพันธุ์นี้มาก่อน ความรู้จากอินเตอร์เน็ตเลยกลายเป็นการทดลองเอาใบลำต้นมาตากแห้งทำชาชงดื่ม พร้อมทั้งเอาใบสดปรุงอาหาร ผัดผัก ลวกจิ้มน้ำพริก ปรากฏว่า รสชาติดีคล้ายผักกาด ไม่เหม็นเขียว แถมยังออกรสหวานอีกต่างหาก
จากนั้นติดต่อกลับไปที่นักธุรกิจคนเดิม ยังสนใจที่จะซื้อวัชพืชพันธุ์นี้อยู่อีกมั้ย...ได้รับคำตอบว่า สามารถผลิตส่งเขาได้มากแค่ไหน...ต้นปีที่ผ่านมา เลยมีสัญญาทำธุรกิจร่วมกัน
...
เบื้องต้นทำสัญญารับซื้อ 2 ปี วสันต์ต้องส่งวัตถุใบลำต้นและรากปืนนกไส้แบบอบแห้งให้ได้เดือนละ 50 กก. โดยทางบริษัทให้ราคา กก.ละ 500 บาท เพื่อนำไปเป็นส่วนผสมในยาสีฟันด้วยปืนนกไส้มีสรรพคุณ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ แก้อักเสบ ห้ามเลือด ช่วยรักษาแผลในช่องปาก และลดกลิ่นปากได้
“เดิมปลูกอยู่ 2 ไร่ ตอนนี้กำลังจะขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเพื่อจะได้มีผลผลิตเพียงพอที่จะส่งบริษัท การปลูกไม่มีอะไรมาก จากที่เคยปล่อยให้มันขึ้นตามมีตามเกิดแบบรกๆ เราเปลี่ยนมายกแปลงปลูก หว่านเมล็ดพันธุ์ กับให้น้ำเท่านั้น แต่ถ้าฤดูฝนไม่ต้องรดน้ำเลย ปลูกแค่ 2 เดือนเก็บเกี่ยวได้แล้ว ปีหนึ่งเก็บเกี่ยวได้ 6 ครั้ง พื้นที่ 1 ไร่ จะได้ผลผลิตเป็นใบสดต้นสดประมาณ 250 กก. อบแห้งแล้วจะเหลือประมาณ 5 กก.”
วสันต์ฝากความหวังกับวัชพืชที่แปรสภาพเป็นพืชทำเงิน ด้วยสัญญาเบื้องต้นทำให้รับไปเลยเดือนละ 25,000 บาท เพราะปลูกวัชพืชแทบไม่มีต้นทุน ทนโรคแมลง ปุ๋ยยาเลยไม่ต้องใช้.
ชาติชาย ศิริพัฒน์