สองผัวเมียที่เชียงใหม่ อาชีพรับจ้างทั่วไป เจอพิษเศรษฐกิจ ซ้ำด้วยโควิดระลอกใหม่ ไม่มีงาน ไม่มีเงิน สุดท้ายจำใจเป็นโจรก่อเหตุลักนมผง ส่งไปให้แม่ใช้เลี้ยงลูกน้อยวัย 8 เดือน ที่ฝากแม่เลี้ยงไว้ที่บ้านในต่างจังหวัด
วันที่ 11 ธ.ค. กล้องวงจรปิดจับภาพ ขณะที่สองผัวเมีย ฝ่ายชายชื่อ นายสุเมธ อายุ 36 ปี อยู่ ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ส่วนผู้หญิงชื่อ ประภัศรา อายุ 24 ปี ชาว อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี กำลังเลือกซื้อสินค้าภายในห้างโลตัส สาขาป่าแดด ต.ป่าแดด อ.เมืองเชียงใหม่ และหยิบนมผงเด็กอ่อนจากชั้น จากนั้นได้นำสินค้าทั้งหมดไปเข้าแถวต่อคิวจ่ายเงิน แล้วเดินออกจากห้างไป
ต่อมา พนักงานของห้างได้เข้ามาตรวจสอบ ก็พบว่านมผงสำหรับเด็กหายไปทั้งหมด 8 กล่อง ทางห้างฯ จึงได้เข้าแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ จึงได้ทำการสืบสวน กระทั่งจับกุมหัวขโมยสองผัวเมียรายนี้ได้ในพื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ ในภาพวงจรปิดจะเห็นว่าระหว่างที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 เข็นรถเข็นเพื่อเข้ามาชำระค่าสินค้า ในรถเข็นมีถุงสีส้มวางอยู่ ซึ่งภายในถุงนั้นมีนมผงสำหรับเด็ก ขณะที่ผู้ชายชำระค่าสินค้า ผู้หญิงได้นำของอื่นวางทับ แล้วตีเนียนเดินออกจากห้างไป
ต่อมา เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ พร้อมด้วยของกลาง รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ สีฟ้าขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน สำเนาหลักฐานการรับ-ส่งของ (นมผงยี่ห้อไฮคิว) จากบริษัท Flash Express สาขาหน้าเทศบาล ต.ป่าแดด อ.เมืองเชียงใหม่ 1 แผ่น สำเนาภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ 1 แผ่น โดยกล่าวหาว่า "ร่วมกันลักทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือรับของโจร"
...
จากการสอบสวนผู้ต้องหา เบื้องต้นทั้งสองให้การรับสารภาพ ว่า ร่วมกันขโมยนมผงในห้างโลตัสจริง และได้ส่งพัสดุไปให้แม่ฝ่ายหญิงที่ จ.สุพรรณบุรี ใช้เลี้ยงลูกวัย 8 เดือนที่ฝากเลี้ยงไว้ ส่วนสาเหตุเพราะทั้งสองมีอาชีพรับจ้างทั่วไป แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจช่วงโควิดระบาด จึงไม่ค่อยมีคนจ้าง ทำให้รายได้น้อยลง แม่ที่ฝากลูกให้ช่วยเลี้ยง โทรมาบอกว่านมหมด แต่นมผงเด็กราคาแพง พวกตนไม่มีเงินซื้อ เลยตัดสินใจเข้าไปทำทีซื้อของราคาถูก แล้วขโมยนมผงใส่ถุงวางไว้ข้างล่าง ซุกซ่อนแอบนำออกมา กระทั่งถูกตำรวจจับและจำนนด้วยหลักฐานจากกล้องวงจรปิดของห้างฯ