- ท่ามกลางกระแสความกลัว “โควิดรอบ 2” ที่มีจุดโฟกัสอยู่ที่ จ.เชียงราย
- มีสาวไทยไปทำงานในโรงแรม สถานกาสิโนชื่อดัง ในเมือง “ท่าขี้เหล็ก” ลักลอบเดินทางข้ามแดนมาด้วยกันกลุ่มใหญ่ เป็นผู้นำพาเชื้อ ไวรัสโคโรนา เข้ามาในราชอาณาจักร
- สาเหตุที่เร่งรีบ ถึงขั้นต้องลักลอบกลับเข้ามา เนื่องจากเมียนมาในขณะนี้ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เข้าขั้นวิกฤติ
ตัวเลข ณ วันที่ 2 ธ.ค. 2563 มีรายงานผู้ติดเชื้อในเมียนมาแล้ว 93,600 ราย เสียชีวิต 1,998 ราย เฉพาะวันที่ 2 ธ.ค. วันเดียวมีผู้ติดเชื้อ 1,411 ราย
ในจำนวนคนไทยที่ลักลอบเข้ามา ช่วงวันที่ 27-28 พ.ย. 63 ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด ถึง 6 คน
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีก 1 เมืองใหญ่ชายแดน ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทยอย่างยิ่งยวด นั่นคือ “เมียวดี” ตั้งอยู่คนละฝั่งแม่น้ำกับแม่สอด จ.ตาก
...
ที่นี่ มีสถานบันเทิงของคนจีน ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเมย พนักงานและผู้ให้บริการส่วนหนึ่งคือ “สาวไทย” ซึ่งหลังการระบาดอย่างหนักหน่วงของโควิด-19 ในพม่า คนไทยเหล่านี้ได้ลักลอบข้ามแดนกลับมาเช่นกัน
แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ขณะที่คนไทยหวาดหวั่น พากันหนีโรคติดต่อในพม่า คนพม่า ในไทย กลับทำในสิ่งตรงข้าม นั่นคือ หอบลูกจูงหลานเดินทางกลับมาตุภูมิ บ้านเกิดเมืองนอน
รูปธรรมที่เห็นชัดเจนที่สุด คือ ที่จุดผ่านแดน อ.แม่สอด จ.ตาก
วันที่ 3 ธันวาคม 2563 ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในเมียนมา ใกล้แตะ 1 แสนคน ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียนใต้ ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด
ปรากฏว่า มีแรงงานชาวเมียนมาเดินทางมาจากกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียง รอยื่นเอกสารขอข้ามแดนกว่า 1 พันคน จุดหมายการเดินทาง เบื้องต้น เพื่อข้ามฝั่งไป จ.เมียวดี
ด้วยจำนวนที่มาก ทำให้ทูตแรงงานสถานทูตเมียนมาในประเทศไทย ต้องมาอำนวยความสะดวกเรื่องเอกสาร
แรงงานบางคนมาทั้งครอบครัว อุ้มลูกจูงหลานพากลับบ้านไปด้วย ทำให้ด่านชายแดนคลาคล่ำไปด้วยผู้คนและสัมภาระ เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ต้องนำรถมาช่วยขนไปส่งให้ที่ชายแดน
นายจ่อละ อายุ 28 ปี ผู้ช่วยล่าม ตรวจคนเข้าเมืองตาก กล่าวว่า สาเหตุแรงงานชาวเมียนมาเดินทางกลับวันละเกือบ 1 พันคน เนื่องจาก "ทุกคนตกงาน ไม่มีเงินใช้จ่าย"
"คนเหล่านี้ แทบไม่มีเงินติดตัว ลำบากมาก จำเป็นต้องกลับประเทศ ถามว่าแล้วไม่กลัวโควิดที่กำลังระบาดในประเทศเมียนมาหรือ คนงานต่างบอกว่า กลัวอดตายมากกว่ากลัวโควิด ตอนนี้พวกเขาอยู่เมืองไทยไม่ได้ เพราะตกงาน ไม่มีงานทำ ไม่มีใครจ้าง"
สิ่งที่เห็นและเกิดขึ้น ณ ชายแดนสองประเทศในวันนี้ อธิบายได้ถึง "วิฤกติที่เกิดขึ้น" ในส่วนของเมียนมา คือ โรคติดต่อร้ายแรงที่เป็นอุบัติการณ์ที่เกิดในทั่วโลก
แน่นอนว่า ในส่วนของประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบด้วย แต่ของเรายังมี "วิกฤติในวิกฤติ" นั่นคือเศรษฐกิจที่ตกต่ำดำดิ่ง ไม่มีการจ้างงาน บริษัทหยุด โรงงานปิด คนตกงาน สายพานการผลิตหยุดชะงัก ฯลฯ
...
ถึงขั้นแรงงานต่างชาติ หนุ่มสาวที่หวังมาขุดทอง ทำงานหาเงิน ต้องกลับบ้าน กลับประเทศตัวเอง ทั้งที่การระบาดของโควิด-19 ยังไม่มีทีท่าว่าจะควบคุมได้
ปีนี้เผาหลอก ปีหน้าเผาจริง..
วัคซีนอะไรก็คงช่วยไม่ได้ ต้องท่องคาถาคำว่า สู้ สู้ กัดฟัน ก้มหน้า เพื่อผ่านพ้นไปให้ได้ อีกครั้ง..
พิชิต พฤกษาโสภา : รายงาน
ชลิต จิตต์ณรงค์ : เรียบเรียง