- รื้อแล้วรีสอร์ตดอยม่อนแจ่มรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม
- พบการครอบครองของนายทุนรายใหญ่จากต่างถิ่น สร้างที่พักรองรับท่องเที่ยว
- เป็นกรณีคล้ายกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ที่ถูกครอบครองทำประโยชน์ ทำลายธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เป็นบทเรียนที่ไม่เคยมีใครจดจำ
ครั้งหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ ดอยม่อนแจ่ม ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม คือหมุดหมายในจังหวัดเชียงใหม่ ที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง โดยเฉพาะในหน้าหนาว
รีสอร์ต บ้านพัก กระโจม ตั้งเรียงรายจนเรียกได้ว่าแออัด คนพื้นที่ คนต่างถิ่น แย่งกันเข้ามากอบโกย แต่เพียงไม่นาน สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป
เดือนสิงหาคม 2563 มีการสรุปผลการตรวจสอบสิ่งก่อสร้างในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม พื้นที่ 13,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ดอยม่อนแจ่มและใกล้เคียง ในตำบลโป่งแยง ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม พบว่ามีผู้ที่เข้าข่ายในการกระทำความผิด ประกอบธุรกิจในเชิงโรงแรม จำนวนทั้งสิ้น 113 ราย
...
เป็นการนำที่ดินไปใช้ไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของโครงการหลวง ในจำนวนนี้ 30 ราย มีความผิดชัดเจน ต้องรื้อถอนออกไปสถานเดียว
กระทั่งวันที่ 19 ตุลาคม 2563 นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางมาอำนวยการรื้อถอน รื้อ รีสอร์ตไร่นาย ที่มีการก่อสร้างศาลาเก๋งจีนบนเนินเขา โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ทำพิธีบวงสรวงเจ้าที่ ก่อนนำรถแบ็กโฮเข้ารื้อถอนศาลา
"ไร่นาย" เป็นหนึ่งในรีสอร์ตหรู มีนายทุนรายใหญ่เข้ามาลงทุนก่อสร้างที่พัก สร้างศาลาเก๋งจีนทรงแปดเหลี่ยม เพื่อเตรียมให้บริการนักท่องเที่ยว
วิธีการได้มาซึ่งที่ดิน ไม่ได้แตกต่างหรือซับซ้อนกว่าการเข้าที่ดิน "เขตป่า" ในพื้นที่อื่น ไม่ว่าจะเป็นที่วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ภูทับเบิก เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ นั่นคือซื้อต่อจากชาวบ้าน นำมาพัฒนาเป็นที่พักรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นการเข้าครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโดยผิดกฎหมาย
กรมป่าไม้ ได้มีคำสั่งทางปกครอง ให้ผู้ครอบครองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 10 ตุลาคม 2563 แต่ผู้ครอบครองไม่ดำเนินการตามคำสั่ง เจ้าหน้าที่จึงต้องมารื้อเอง
...
นายวราวุธ กล่าวว่า ที่ดินดอยม่อนแจ่มทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งมีผู้ประกอบการเข้ามาดำเนินการใช้ที่ดินไม่เป็นไปตามที่ทางกระทรวงอนุญาต มีทั้งการซื้อขายเปลี่ยนมือ จากชาวบ้านไปเป็นของนายทุน จึงได้เร่งติดตามดำเนินการเพื่อทำให้พื้นที่ดอยม่อนแจ่มกลับมาเป็นสภาพป่าต้นน้ำที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้ง
"เราถือเอาตัวบทกฎหมายเป็นที่ตั้ง แนวทางของกระทรวงเรามีหน้าที่ดูแลทรัพยากรธรรมชาติให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยเฉพาะม่อนแจ่ม กำหนดไว้ให้เป็นแนวทางการเกษตร แต่ปัจจุบันกลับมีการใช้ที่ดินผิดประเภท สร้างบ้านพัก และรีสอร์ต ซึ่งไม่ใช่วัตถุประสงค์ของโครงการหลวงที่จัดสรรที่ดินให้ชาวบ้านตั้งแต่แรก”
นายวราวุธ ยืนยันว่า การเข้ามาจัดระเบียบดอยม่อนแจ่ม ไม่ได้เป็นการใช้อำนาจรังแกประชาชนที่ทำมาหากินในพื้นที่ ต้องทำความเข้าใจให้ชาวบ้านรับรู้ว่า พื้นที่แห่งนี้คือพื้นที่ป่าต้นน้ำ รัฐจัดสรรให้ชาวบ้านเพื่อทำการเกษตร แต่สภาพตอนนี้กลับมีการซื้อขายเปลี่ยนมือไปเป็นของกลุ่มนายทุน ปรับสภาพพื้นที่สร้างบ้านพัก รีสอร์ต
...
เมื่อเป็นดังนี้ หากปล่อยให้มีการบุกรุกจนป่าต้นน้ำถูกทำลาย ซึ่งต้นน้ำถือเป็นตัวกำหนดความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่กลางน้ำและปลายน้ำ หน้าที่ของกระทรวงจึงต้องเร่งแก้ปัญหาเพื่อให้ป่าต้นน้ำกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง
สำหรับพื้นที่ "ม่อนแจ่ม" อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม เป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธาร จัดอยู่โซนคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 มีความอ่อนไหวต่อระบบนิเวศ
ล่าสุด ในกลุ่มนายทุนผู้ครอบครองพื้นที่ 30 ราย ได้ดำเนินการรื้อถอนตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติแล้ว 7 ราย ที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณาจัดระเบียบเพื่อดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายนนี้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า "ม่อนแจ่ม" ไม่ใช่สถานที่สุดท้าย ที่จะถูกบุกรุกก่นสร้างที่พัก โรงแรม รีสอร์ต รอรับเม็ดเงินจากการท่องเที่ยว
...
ตราบใดที่กลิ่นธนบัตรยังหอมหวนยวนใจ นายทุนเงินหนาก็พร้อมจะเข้ามายื่นข้อเสนอ ขณะที่ชาวบ้านก็พร้อมจะตอบสนอง..