“ธรรมนัส พรหมเผ่า” ชื่อนี้ไม่ใช่ไก่กาอาราเล่ เพราะวินาทีนี้เขาคือมือทำงานการเมืองตัวจริงของพลังประชารัฐ แม้ก่อนหน้านี้เคยอยู่เคียงข้างเพื่อไทยมานานหลายขวบปี แต่พอย้ายมาซบพลังประชารัฐ ก็โชว์ฝีไม้ลายมือจัดเจน เคลียร์ปัญหาต่อรองกระทรวงได้อย่างหมดจดจัดจ้าน

สำหรับ ร.อ.ธรรมนัส นั้น ถือเป็นแกนนำคนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐคนหนึ่ง โดยภายหลังเลือกตั้งได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในมือเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาล...

ปักธงยึดพะเยา

โดยบทบาทภายในพรรคของ ร.อ.ธรรมนัส หรือผู้กองมนัส ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้รับคำชมอย่างมาก หลังเจาะพื้นที่ภาคเหนือของพรรคเพื่อไทยได้หลายเขต ไม่ว่าจะเป็นที่ จ.พะเยา ที่ไม่เคยมีพรรคใดมาเจาะได้

เช่นเดียวกับที่ จ.ตาก ที่พรรคประชาธิปัตย์ครองแชมป์มานานหลายสมัย แต่ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐก็สามารถแบ่ง ส.ส.มาได้ รวมถึง จ.พิจิตร ที่ผูกขาดโดยตระกูลขจรประศาสน์ แต่ครั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส สามารถกวาด ส.ส.ให้พรรคพลังประชารัฐแบบยกจังหวัดมาได้

...

จากนักเรียนเตรียมฯ ออกจากราชการ สู่นักธุรกิจ

เมื่อย้อนดูประวัติของ ร.อ.ธรรมนัส ในวัย 53 ปี ก็เรียกได้ว่าไม่ธรรมดา แสนจะน่าสนใจ ไล่เรียงไม่หวาดไม่ไหว จนแทบจะนำพล็อตเรื่องราวชีวิตไปทำภาพยนตร์สักเรื่องก็ยังได้...

เดิมที ธรรมนัส ไม่ใช่ชื่อแรกของเขา เขาเปลี่ยนมาแล้วไม่ว่าจะเป็นชื่อ มนัส, ยุทธภูมิ กลับมาเป็น มนัส และเปลี่ยนเป็น พชร ส่วนนามสกุลเปลี่ยน 2 ครั้ง จาก โบกพรหม มาเป็น พรหมเผ่า และที่ผ่านมาหลายคนเรียกเขาว่า “ผู้กองตุ๋ย” แต่ความจริงแล้ว ร.อ.ธรรมนัส ชื่อเล่น “นัท” ซึ่งเป็นชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้

ร.อ.ธรรมนัส เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 และจบนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 36 รุ่นเดียวกันกับ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และ พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ เขาเป็นที่รักของนักเรียนเตรียมทหารและนักเรียนนายร้อยฯ เพราะความเป็นคนใจกว้าง ใจนักเลง ช่วยเหลือพรรคพวกเพื่อนฝูงได้ทุกเมื่อ

ต่อมา อาชีพข้าราชการทหารของเขาได้สิ้นสุดลง เมื่อปี 2542 หลังจากไปเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมหนุ่มนักเรียนนอก โดยคดีนี้ตำรวจออกหมายจับ ขณะนั้นเขาใช้ชื่อ ร.อ.พชร ในฐานะเจ้าของบ้านเกิดเหตุ กับพวกรวม 3 คน ต่อมาในปี 2546 ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องตัวเขากับลูกน้องที่เป็นทหารในคดีดังกล่าว

ความฝันสมัยเรียนนายร้อย จปร. ของ “ธรรมนัส” คือ ทหารม้าที่อยู่ตามชายแดน แต่เมื่อถึงวันหนึ่งเขาไม่ได้สวมเครื่องแบบ ก็เลยผันตัวเองมาทำธุรกิจรักษาความปลอดภัย ชื่อ บริษัท ธรรมนัส การ์ด (ขายกิจการไปแล้ว) โดยจับมือกับผู้ใหญ่คนสนิทที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นอย่าง “เสธ.ไอซ์” พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต

...

จากบริษัท รปภ. ก็ต่อยอดทำธุรกิจด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น รถเมล์, อสังหาริมทรัพย์, ตลาด และยี่ปั๊วขายสลากฯ ฉะนั้นเมื่อ 6-7 ปีก่อน ร.อ.ธรรมนัส จึงเป็นยี่ปั๊วรายใหญ่ของประเทศ เพราะเข้ามาบริหาร หจก.ขวัญฤดี ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าเสือกองสลาก

วันเวลาเปลี่ยนผ่าน กระทั่ง คสช.กุมอำนาจ ได้มีการแต่งตั้ง “พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” เป็นประธานคณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มาจัดการหวยแพง ซึ่งประธานบอร์ดคนใหม่ได้เชิญ ร.อ.ธรรมนัส ไปหารือเรื่องจัดระบบขายสลาก และ ร.อ.ธรรมนัส ก็ยอมรับสภาพที่จะไม่เป็นยี่ปั๊วรายใหญ่

เส้นทางเข้าสู่การเมือง

ร.อ.ธรรมนัส เข้าสู่เส้นทางการเมือง โดยเริ่มต้นแตะมือที่พรรคไทยรักไทยของ “ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อปี 2542 ดูแลยุทธศาสตร์เลือกตั้งในสนามกรุงเทพฯ พอเข้าปี 2557 ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้เข้าสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แต่การเลือกตั้งหนนั้นเป็นโมฆะ และด้วยความที่เป็นคนพื้นเพ จ.พะเยา จึงมีความสนิทสนมกับ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของ ทักษิณ ชินวัตร

...

ต่อมา หลัง คสช.รัฐประหาร และมีการตั้งพรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส ได้รับการชักชวนจากผู้ใหญ่ให้มาร่วมงานการเมือง โดยรับตำแหน่งประธานยุทธศาตร์ภาคเหนือ ดูแลพื้นที่เลือกตั้ง จัดวางตัวผู้สมัคร และผลงานของเขาน่าพอใจ เข้าตาผู้หลักผู้ใหญ่อย่างมาก

ในอดีตคนทั่วไปอาจมองว่า ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้มากอิทธิพล แต่คนเมืองกว๊านถือว่าเขาเป็นพ่อพระของคนพะเยา โดยเฉพาะการช่วยเหลือคนยากไร้ คนด้อยโอกาส และด้วยความที่เป็นคนเข้าถึงง่าย ปฏิเสธชาวบ้านไม่เป็น จึงเป็นที่รักของกลุ่ม อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มข้าราชการอย่างยิ่ง

...

โดย ร.อ.ธรรมนัส เคยกล่าวถึงประเด็นที่ใครๆ ก็มองเขาเป็นมาเฟียไว้ว่า “มาเฟียเป็นภาพติดตัวผมมาตั้งแต่อยู่กับ เสธ.ไอซ์ คำว่ามาเฟียกับนักเลงมันต่างกัน นักเลงคือคนที่ใจเป็นนักเลง คนใจนักเลงคือถึงไหนถึงกัน กล้าได้กล้าเสีย รักเพื่อนฝูง แต่มาเฟียคือกลุ่มอิทธิพลที่รังแกคน ตั้งตัวเองขึ้นมาเป็นผู้มีอิทธิพล อยู่บนผลประโยชน์ ผมไม่ใช่คนประเภทนั้น แต่ผมไม่ปฏิเสธว่าผมเป็นนักเลง เพราะเรามันคนใจนักเลง

รัฐบาลลุงตู่ จะอยู่เคียงคู่คนไทยครบ 4 ปีหรือไม่ ไม่มีใครรู้
แต่ที่แน่ๆ ผู้ชายชื่อ “ธรรมนัส” คนนี้ ชื่อของเขาจะเข้มข้น จัดเจนในแวดวงการเมืองต่อเนื่อง
ชนิดที่ต้องจับตากันให้ดี ไม่เชื่อก็คอยดู...