บุกจับคลินิกเสริมความงามเถื่อน กลางเมืองเชียงใหม่ เจ้าของเป็นสาววัย 26 อ้างจบแพทย์จากเกาหลี แต่ไม่มีใบรับรอง ใบอนุญาตใดๆ ทั้งสิ้น เปิดตึกทำห้องผ่าตัด จ้างลูกน้องเป็นผู้ช่วยฉีดโบท็อกซ์ สธ.แจ้งแล้ว 4 ข้อหา  

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 ก.ค.61 พล.ต.ต.จารึก ลิ้มสุวรรณ ผบก.สส.ภ.5 ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภาค 5 ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่จับกุมคลินิกเสริมความงามชื่อ "ดีน่า คลีนิคเวชกรรม" ตั้งอยู่เลขที่ 56/15 ถนนเชียงใหม่-ลำปาง (ข้างศูนย์ซีเอ็มคอมพิวเตอร์) ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าคลินิกแห่งนี้ได้ลักลอบเปิดให้บริการเสริมความงามในรูปแบบการฉีดกลูต้า โบท็อกซ์ และเสริมดั้ง โดยไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ 

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า มียาที่ใช้โบท็อกซ์ใบหน้าที่พบว่ามีการใช้แล้วหลายขวด รวมถึงยาอันตรายอีกหลายรายการ โดยคลินิกดังกล่าวเป็นตึกแถว 3 ชั้น จากการเข้าตรวจสอบบริเวณชั้น 3 ของตึกได้มีการทำเป็นห้องผ่าตัดขนาดเล็ก ซึ่งภายในนั้นมีเครื่องมือเพียงไม่กี่อย่าง และไม่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตฉุกเฉินเตรียมพร้อมไว้ ซึ่งคลินิกแห่งนี้มี นางสาวญภา นิธิจินดาวัชร์ อายุ 26 ปี รับเป็นผู้ดูแลคลินิก มีพนักงานผู้ช่วยอีก 1 คนอยู่ภายในร้าน

...

นายพัฒนา ศรชัย เภสัชกรชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า คลินิกแห่งนี้ได้ลักลอบเปิดกิจการโดยไม่ได้ขออนุญาตจาก สสจ.เชียงใหม่มาแล้วประมาณ 2 เดือนเศษ โดยก่อนหน้าที่ สสจ.เชียงใหม่ได้ส่งสายลับเข้ามาทดลองใช้บริการ ก็พบว่าผู้ที่ให้ยาเสริมความงามนั้นไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภาแต่อย่างใด แต่มีการอ้างว่าจบด้านแพทย์เสริมความงามมาจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งก็ยังถือว่าผิด เพราะการประกอบกิจการในลักษณะแบบนี้นั้นต้องมีใบประกอบกิจการจากสาธารณสุขและใบรับรองจากแพทยสภา

ด้านนายชาตรี พินใย นิติกรชำนาญการพิเศษ กระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยว่า หลังจากการเข้าจับกุมมีการแจ้งข้อหากับ นางสาวญภา 4 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันประกอบกิจการและสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันประกอบวิชาชีพเวชกรรมและขึ้นทะเบียนโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันจำหน่ายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา จากนั้นได้ควบคุมตัวนางสาวญภา และผู้ช่วยที่ฉีดยาเสริมความงามส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก เมืองเชียงใหม่ดำเนินคดีต่อไป.