กรมอุทยานฯ พบเสือโคร่งเพิ่มอีก 16 ตัว ที่อุทยานฯ แม่วงก์ "บิ๊กเต่า" ชี้รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมฯ ของเขื่อนแม่วงก์ ผ่านยาก ยันรัฐบาลไม่ใช้มาตรา 44 สร้าง เหตุ "บิ๊กตู่" เป็นนักอนุรักษ์

วันที่ 5 ก.ย.60 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดการประชุมการป่าไม้ ประจำปี พ.ศ.2560 นายกิตติพัฒนธ์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จ.กำแพงเพชร และนครสวรรค์ เปิดเผยว่า ในช่วง 3-4 ปี ที่ผ่านมา กรมอุทยานฯ ร่วมกับกองทุนสัตว์ป่าโลกประเทศไทย โดย น.ส.รุ้งนภา พูลจำปา นักวิจัยของกองทุนสัตว์ป่าโลก ได้มีการสำรวจประชากรเสือโคร่งในพื้นที่อุทยานฯ แม่วงก์ พบว่ามีเสือโคร่งใหม่ ไม่ต่ำกว่า 10 ตัว กระจายกันอยู่ทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณที่จะก่อสร้างเป็นหัวเขื่อนแม่วงก์นั้น พบเสือโคร่ง ถึง 2 ตัว ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง และพบว่าเสือโคร่ง เกือบทั้งหมดได้ขยายพื้นที่หากินมาจากพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี มาที่อุทยานฯ แม่วงก์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มป่าตะวันตกเหมือนกัน แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าตะวันตกและอุทยานฯ แม่วงก์

...

นายกิตติพัฒน์ กล่าวต่อว่า เสือโคร่งในอุทยานฯ แม่วงก์ มีเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน หากสามารถควบคุมการล่าสัตว์ป่าได้อย่างต่อเนื่องและจริงจังอย่างที่อุทยานฯ กำลังดำเนินการอยู่ คาดว่าอีกไม่เกิน 10 ปี อุทยานฯ แม่วงก์ จะกลายเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีประชากรเสือโคร่งและสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์อื่นๆ ชุกชุม ที่สำคัญอุทยานฯ แม่วงก์ ยังเป็นป่าที่มีป่าที่ราบริมน้ำเหมาะแก่การเป็นแหล่งหาอยู่หากินของสัตว์ป่า มีการพบร่องรอยการหากินของสัตว์กีบอย่างกวาง ซึ่งเป็นอาหารของเสือโคร่งด้วย

ด้าน น.ส.รุ้งนภา กล่าวว่า พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งและอุทยานฯ คลองลาน จ.กำแพงเพชร และตาก เป็นพื้นที่ที่มีเสือชุกชุมที่สุดในประเทศไทย และยังขยายอาณาเขตการหากินและอยู่อาศัยเข้ามาที่อุทยานฯ แม่วงก์ โดยช่วงประมาณ 6 ปี ที่ผ่านมา มีเสือโคร่งตัวเต็มวัยได้ขยายพื้นที่ออกมายังอุทยานฯ แม่วงก์ จำนวน 2 ตัว และสามารถขยายพันธุ์เพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 8 ตัวด้วยกัน ในจำนวนนี้ กล้องดักถ่ายภาพสัตว์ที่ติดเอาไว้ทั่วพื้นที่อุทยานฯ แม่วงก์ สามารถบันทึกภาพเสือตัวเต็มวัยเอาไว้ได้ไม่ต่ำกว่า 10 ตัว โดยแต่ละตัวถือว่ามีพื้นที่หากินประจำอยู่ที่อุทยานฯ แม่วงก์

นอกจากนี้ยังมีเรื่องน่าดีใจ คือ พบว่าเสือโคร่ง ไม่ต่ำกว่า 2 ตัวที่มีลูกอ่อน โดยเสือแต่ละตัวมีลูกอีก 3 ตัว แต่ในหลักการของการวิจัยยังไม่อยากนับลูกอ่อนเหล่านี้ เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่าแม่เสือจะสามารถเลี้ยงลูกได้รอดหรือไม่ ทั้งนี้ จากข้อมูลดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ชัดเจน ซึ่งอุทยานฯ แม่วงก์ร่วมกับกองทุนสัตว์ป่าโลกได้ทำรายงานส่งไปยังสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เขตรักษาพันธุ์ฯ ห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ศึกษาวิจัยเรื่องเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ดังนั้น ถือว่าขณะนี้ ประเทศไทยมีความหวังสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียนที่สามารถเพิ่มจำนวนเสือโคร่งในป่าให้ตรงตามเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้คือ 50 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนที่มีอยู่ภายในปี 2565 ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีจำนวน 250-300 ตัว                

ด้าน พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ กล่าวว่า หากเป็นไปตามนี้ คือมีประชากรเสือโคร่งเพิ่มขึ้นในอุทยานฯ แม่วงก์และป่าตะวันตก เชื่อว่ารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) ของเขื่อนแม่วงก์ คงจะผ่านลำบาก และคงไม่ได้สร้างแน่ ส่วนที่มีการพูดกันว่ามีความพยายามในการผลักดันให้รัฐบาลใช้มาตรา 44 เพื่อสร้างเขื่อนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็คงไม่ยอม เพราะนายกรัฐมนตรี เป็นนักอนุรักษ์ หลังจากนี้กระทรวงทรัพยากรฯ โดยกรมอุทยานฯ ต้องทำทุกวิถีทางให้พื้นที่ป่าตะวันตกมีความอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้ห้วยขาแข้งฯ และกรมอุทยานฯ เองในฐานะเจ้าของพื้นที่อุทยานฯ แม่วงก์ คงไม่ยอมให้มีการสร้างเขื่อนแม่วงก์เกิดขึ้นแน่  

ภาพจาก อุทยานแห่งชาติแม่วงก์