จ.ตราด ชู “เกาะหมาก” แหล่งท่องเที่ยวต้นแบบ “Low Carbon” ดึงความสนใจผู้ชื่นชอบความเงียบสงบ-เป็นส่วนตัว เผย มี นทท.มาเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี คาดปี 60 เพิ่มขึ้น 100,000 คน เงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 400 ล.

เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 59 นายจักรพรรดิ์ ตะเวทีกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ตราด เปิดเผยว่า ตามที่ จ.ตราด ได้ร่วมกับองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน อพท. (องค์การมหาชน) และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง-ผู้ประกอบการ-ผู้นำชุมชน ได้มีการร่วมลงนาม ปฏิญญาเกาะหมาก “Low Carbon Destination” ตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปี 2555 เป็นต้นมา เพื่อร่วมกันเดินหน้าพัฒนาขับเคลื่อนเป็นพื้นที่เพื่อนำร่องแหล่งท่องเที่ยว “Low Carbon” ของ จ.ตราด มาถึงปัจจุบันเกือบครบ 4 ปี แล้ว โดยภาพรวม ชาวบ้านและผู้ประกอบการโรงแรม-รีสอร์ต-ร้านอาหาร-ธุรกิจอื่นๆ ได้ให้ความร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจกันเป็นอย่างดี ทำให้ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนำร่องแห่งแรกของ จ.ตราด ที่น่าภาคภูมิใจอีกอย่าง คือ มีตัวเลขกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ วัยหลังการเกษียณอายุราชการ เดินทางมาพักผ่อนบนเกาะหมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนกลุ่มเดิมก็จะพากันมาติดต่อกันเกือบทุกปี ส่วนหนึ่งมาจากการเดินทางที่สะดวกสบาย ลงเรือสปีดโบ๊ต ที่ท่าเทียบเรือสะพานกรมหลวงชุมพร ฝั่ง อ.แหลมงอบ ใช้เวลาแค่ 45 นาที ก็ถึงเกาะหมาก

...


นอกจากนี้ สถานประกอบการ ประชาชน บนพื้นที่เกาะหมากหลายครัวเรือน กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ได้มีการดัดแปลงนำรถจักรยานที่ใช้แบตเตอรี่ชาร์ตจากแผ่นโซล่าเซลล์ ที่รับพลังงานแสงอาทิตย์ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือแม้แต่ร้านอาหารที่เปิดบริการนักท่องเที่ยวก็จัดทำเมนูอาหาร “Low Carbon” ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการจำนวนกว่า 50 ราย ซึ่งคิดเป็นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ จากผู้ประกอบการทั้งหมดบนเกาะหมาก พร้อมกันนี้ อพท. ยังได้คัดเลือกให้ “เกาะหมาก” ในพื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้าง และพื้นที่เชื่อมโยง เป็นพื้นที่ต้นแบบของการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการ Low Carbon Destination เพื่อพัฒนายกระดับสู่เป้าหมายสู่การเป็น Green Island ในระดับสากล


ด้าน นายสุทธิวงศ์ จันทสูตร กำนัน ต.เกาะหมาก กล่าวว่า เกาะหมาก เป็นเกาะกลางทะเลตราด ขึ้นอยู่กับ อ.เกาะกูด มีถนนรอบเกาะรวมระยะทาง 27 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 9,500 ไร่ แบ่งการปกครองออกเป็น 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ 1 บ้านอ่าวนิด หมู่ 2 บ้านแหลมสน มีประชากรอาศัยอยู่ตามทะเบียนราษฎร์ 448 คน สภาพพื้นที่เป็นที่ราบชายฝั่งและเชิงเขา ในอดีตประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนมะพร้าว ยางพารา มีรายได้ 10,000-12,000 บาท/เดือน ซึ่งได้หันมาประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น จนมีรายได้เพิ่มขึ้น 20,000-30,000 บาท/เดือน

...


จากผลสำรวจข้อมูล พบว่าในช่วงปี 2555-2557 มีนักท่องเที่ยวไปเยือนเกาะหมากประมาณ 6-7 หมื่นคน/ปี ในช่วงปี 2557-2559 หลังจากพัฒนายกระดับเป็นพื้นที่ “Low Carbon” มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเพิ่มขึ้นเป็น 8-9 หมื่นคน/ปี หรือกว่า 80% เป็นชาวต่างชาติและคาดว่า ในปี 2560 จะเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 คน ที่ผ่านมา มีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท/ปี.