บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ฉะเชิงเทรา เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมของญาติในการดูแล "เด็กหญิง" วัย 11 ปี หลังอาแจ้งความปม พ่อแท้ๆ ลักพาตัว

จากกรณีญาติโพสต์ตามหาเด็กหญิงอายุ 11 ปี ถูกพ่อแท้ๆ ลักพาตัวออกไปจากหมู่บ้านพูนสินธานี 3 ซอยเคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เวลาประมาณ 15.00 - 18.00 วันที่ 21 ธ.ค. 67 โดยคาดว่าหนีไปยังจังหวัดฉะเชิงเทรา และกบดานใกล้เคียงสถานีตำรวจภูธรฉะเชิงเทรา

โดยนางสาว "นา" (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นอาได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดี และขอความช่วยเหลือตำรวจในการติดตามหาตัวหลานสาว กลัวว่าได้รับอันตราย เนื่องจากผู้เป็นพ่อมีประวัติการใช้สารเสพติดและการใช้ความรุนแรงกับเด็กและครอบครัว จนเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 ธ.ค. 67 ชุดสืบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้เชิญตัวพ่อและเด็ก 11 ปี มาทำการสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทราถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมประสานบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา นำนักสังคมสงเคราะห์มาสอบสวนน้องซี เด็กหญิงวัย 11 ปี ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น จะรับเด็กหญิงซีเข้าไปอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดช่วงสายวันนี้ 24 ธ.ค. 67 ที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยสอบถามถึงความเป็นอยู่ของเด็กหญิงวัย 11 ปี ที่เข้ามาอยู่ภายในบ้านพักเด็กเป็นคืนแรกกับว่าที่ร้อยตรี ดร.ศิรพงศ์ โภคินวงศ์หิรัญ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา

โดยหัวหน้าบ้านพักเด็กเปิดเผยว่า หลังรับเด็กเข้ามาดูแลตั้งแต่เมื่อวานนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมาน้องนอนหลับ สามารถเข้ากับเพื่อนๆ ได้ กินอิ่ม แต่ก็ยังอยู่ในอาการที่นิ่งเงียบบางเวลา ไม่สนุกสนานเหมือนเด็กปกติทั่วไป ตื่นเข้ามาก็ดูทีวีกับเพื่อนๆ ก่อนช่วงสายของวันนี้จะมีกิจกรรมกลุ่มที่ต้องทำร่วมกัน

...

ส่วนประเด็นเรื่องที่พ่อของเด็กพามาที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อมาเยี่ยมแม่ที่ติดคุกคดีลักทรัพย์ ที่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำกลางจังหวัดฉะเชิงเทรานั้น ก็สอดคล้องกับข้อมูลที่พ่อให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ไปก่อนหน้านี้ ขณะที่เด็ก 11 ปี ซึ่งมีการแยกสอบจากนักพัฒนาสังคมสงเคราะห์

ทราบว่าส่วนใหญ่เด็กต้องอยู่บ้านคนเดียวลำพัง ไม่ได้เรียนหนังสือ เนื่องจากปู่ของเด็กมีอาชีพขับรถให้ดารานักแสดงท่านหนึ่งไปกอง เวลาเลิกงานก็จะไม่แน่นอน บางวันกลับดึกกลับเช้า ส่วนอาก็ทำงานโรงงาน เวลาเข้ากะดึกก็จะไม่มีใครอยู่บ้าน มีแต่เด็กที่อยู่บ้านเพียงลำพัง จึงเกิดความเหงา เมื่อพ่อมาเยี่ยมลูกสาว และบอกว่าจะมาหางานทำที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และมาเยี่ยมแม่ที่ติดคุกอยู่ภายในเรือนจำ จึงทำให้เด็กตามพ่อมาด้วย และได้บอกกับพ่อว่าอยากให้แม่ออกมาจากคุก อยากมีครอบครัวอบอุ่นเหมือนคนอื่นเขา

ส่วนในเรื่องประเด็นการใช้ความรุนแรงกับเด็กนั้น ข้อมูลฝั่งอาและฝั่งพ่อยังไม่ตรงกันทั้งหมด จากการสอบถามเด็ก บอกว่าพ่อไม่เคยตีหรือทำร้าย ส่วนในเรื่องคดีความนั้น ผู้ก่อเหตุเป็นพ่อแท้ๆ และเคยเลี้ยงเด็กมาตั้งแต่เล็กตอนที่แม่เด็กถูกคุมขังครั้งแรกจนถึงครั้งที่ 3 จึงไม่มีความผิดตามพฤตินัยแต่อย่างใด เพราะเป็นพ่อแท้ๆ มีสิทธิเลี้ยงดูเด็ก แต่ตอนนี้ด้วยสถานะของพ่อเด็กยังไม่พร้อมดูแลบุตรสาว คงต้องให้หางานทำเป็นหลักแหล่ง และมายื่นแสดงความจำนงว่าสามารถเลี้ยงดูบุตรสาวได้ ก่อนมีการลงไปตรวจสอบห้องพักความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะมอบเด็กกลับไปให้ดูแล

ซึ่งหลังจากนี้จะประสานติดต่อปู่และอาเพื่อสอบข้อเท็จจริงทั้ง 2 ฝั่ง และจะลงไปเยี่ยมบ้านเพื่อตรวจสอบความพร้อมในการเลี้ยงเด็ก หากกรณีอาหรือปู่ต้องการรับเด็กไปเลี้ยงชั่วคราว เพื่อรอจนกว่าพ่อจะสามารถหางานทำได้เป็นหลักแหล่ง หรือแม่พ้นโทษออกมาจากเรือนจำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจทราบให้แน่ชัดว่าครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งสามารถเลี้ยงเด็กได้จริง ไม่กลับเข้ามาในลักษณะนี้อีก.