ดราม่าปล่อยศพไว้ในซากเก๋ง 12 ชม. กู้ภัยทางหลวง ลงตรวจสอบเหตุรถชนบนมอเตอร์เวย์ แต่แจ้งไม่พบผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต กระทั่งลากรถไปเก็บเป็นของกลาง ตำรวจตรวจสภาพรถ กลับเจอศพ
กลายเป็นดราม่าในโลกโซเชียล เกี่ยวกับการทำงานของกู้ภัยทางหลวง เมื่อปล่อยศพไว้ในรถประสบอุบัติเหตุนานกว่า 12 ชั่วโมง กระทั่งมีตำรวจไปเจอ หลังลากซากรถมาเก็บเป็นของกลางที่ตำรวจทางหลวง
โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วานนี้ (9 ส.ค.) เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างประทีป ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก พ.ต.ท.รัตพล วรรณะ รอง ผกก.ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล.เขาเขียว ว่า ให้มาเก็บศพผู้เสียชีวิต จากอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งเสียหลักพลิกคว่ำ กลางถนนมอเตอร์สาย 7 ฝั่งขาเข้าพัทยา ช่วง กม.105+700 ชลอ. ซึ่งขณะนี้ถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยมอเตอร์เวย์สาย 7 เคลื่อนย้ายมาเก็บไว้ภายในพื้นที่เก็บของกลาง ท่ามกลางความมึนงงของกู้ภัยที่ได้รับแจ้ง ก่อนรีบไปตรวจสอบบริเวณพื้นที่เก็บรถยนต์ของกลางตำรวจทางหลวง สถานีย่อยเขาเขียว ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
...
เมื่อไปถึงพบซากรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อนิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 กร 1787 กรุงเทพมหานคร อยู่ในสภาพหน้ารถและท้ายรถพังเสียหาย ภายในพบผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นายภัทรชัย อรรถพร อายุ 68 ปี ชาว จ.ระยอง อยู่ในสภาพแขนซ้ายและขวาหัก นอนขดตัวอยู่บริเวณเบาะคนขับ ใต้พวงมาลัยรถ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการนำร่างออกมาตรวจสอบ ก่อนรีบให้กู้ภัยนำไปเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลแหลมฉบัง เพื่อรอการติดต่อของญาติผู้เสียชีวิตต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงแจ้งว่า ระหว่างเกิดเหตุ ได้มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยมอเตอร์เวย์สาย 7 ไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุแล้ว แจ้งว่าไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต กระทั่งมีการลากรถมาเก็บ และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสภาพรถ ก็พบว่ามีศพอยู่
สอบถาม นายธีระพงษ์ ทรัพยา อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ ศรีราชา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 07.45 น. วานนี้ (9 ส.ค.) ซึ่งพื้นที่จุดเกิดเหตุก็อยู่ในเขตความรับผิดชอบของหน่วยกู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ ศรีราชา ซึ่งทางเราก็ได้รับแจ้งมาเหมือนกัน แต่เนื่องจากทางหน่วยกู้ภัยทางหลวงมาถึงจุดเกิดเหตุก่อน และแจ้งกับทางเราว่า จากการตรวจสอบไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เราจึงได้ยกเลิกการไปตรวจสอบ
ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดตั้งแต่เช้า 7 โมงกว่าจนมืด ถึงเจอผู้เสียชีวิตอยู่ในรถ และกรณีนี้ถ้าขณะนั้นผู้บาดเจ็บยังมีชีวิตอยู่ เป็นญาติจะรู้สึกอย่างไร แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบ