พัทยาเมืองพิเศษ เมืองแห่งการท่องเที่ยว ว่างเว้นจากการเลือกตั้งมานาน 10 ปีเต็ม หลังการรัฐประหารโดยคณะ คสช. นายกเมืองพัทยาคนล่าสุด คือนายสนธยา คุณปลื้ม
วันที่ 25 มี.ค. 2565 กกต.ออกประกาศกำหนดให้มีการเลือกสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นเมืองพัทยา ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 วันเดียวกับการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร
มีผู้สมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งนายกเมืองพัทยา 4 คนด้วยกัน มาจากกลุ่มการเมือง นักธุรกิจ ผู้สมัครอิสระ อดีตข้าราชการ
1.นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ อายุ 49 ปี กลุ่มเรารักพัทยา ทีมอดีตผู้บริหาร ถูกวางตัวทำหน้าที่สืบต่อจากนายสนธยา คุณปลื้ม ด้วยแคมเปญต่อยอด ต่อเนื่อง ทำพัทยาให้ดีขึ้น
2.นายศักดิ์ชัย แดงฮ่อ อายุ 63 ปี อดีตข้าราชการปกครอง อดีตนายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด อดีตรองปลัดกรมการปกครอง ลงสมัครในนามอิสระ
3.นายกิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย อายุ 47 ปี จากคณะก้าวหน้าพัทยา อดีตเจ้าหน้าที่ธนาคาร นักธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน
4.นายสินย์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร อายุ 52 ปี จากกลุ่มพัทยาร่วมใจ นักธุรกิจด้านการท่องเที่ยว โรงแรม อดีตกรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และอดีตสมาชิกสภาเมืองพัทยา
แต่ละพรรค แต่ละกลุ่ม แต่ละคน ต่างประกาศจะ “เปลี่ยนเมืองพัทยา” ทำพัทยาที่พัทยาให้น่าอยู่ มีบริการสาธารณะที่ดีขึ้นฯ ลงหาเสียงขอคะแนนตั้งแต่หลังวันรับสมัคร จนกระทั่งโค้งสุดท้าย มีการตั้งเวทีปราศรัยแถลงนโยบายกันแบบดุเดือดเข้มข้น ไม่แพ้การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 20 พ.ค. ที่ลานกิจกรรมชายหาดจอมเทียน หน้าโรงแรมเนเชอรัล ปาร์ค พัทยา คณะก้าวหน้า ของ "พี่เอก" ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ส่ง บ๊อบ กิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย ลงสมัครนายกเมืองพัทยา เบอร์ 3 ได้จัดปราศรัยใหญ่ พรั่งพร้อมไปสมัครสมาชิกสภาเมืองพัทยา ทั้ง 4 เขต หยิบยกประเด็นปัญหาต่างๆ อาทิ การใช้งบประมาณนับพันล้านที่ไม่สมประโยชน์ ปัญหาการขุดเจาะถนนที่พบว่ามีมาตลอดระยะเวลา 3 ปี ไม่มีวี่แววว่าจะจบ ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นซ้ำซาก เรียกว่าทุกประเด็น
...
บ๊อบ กิตติศักดิ์ “พร้อมเปลี่ยนพัทยาให้ดีขึ้น”
นายกิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา เบอร์ 3 คณะก้าวหน้า ขึ้นกล่าวปราศรัยถึงนโยบาย ที่พร้อมเข้ามาทำการเปลี่ยนแปลงเมืองพัทยาให้ดีขึ้น เน้นการดูแลประชาชนทุกช่วงอายุอย่างมีคุณภาพ มีการจัดการบริการสาธารณะต่างๆ ฟรี อาทิ รถโดยสารสาธารณะฟรีแก่เด็กนักเรียน เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมืองพัทยา เพิ่มทางเดินเท้าให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการจับจ่ายซื้อสินค้า และกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน การดำเนินการในระบบ Smart City ต้องเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ก่อนจบปราศรัย บ๊อบ กิตติศักดิ์ ยังได้ทิ้งวลีเด็ดพร้อมเป็นนายกเมืองพัทยาที่ใส่ใจประชาชน เป็นนายกที่ไม่ถูกครอบงำโดยใคร เป็นนายของคนจน เป็นนายกของคนรวย เป็นนายกของทุกคน
ธนาธร ขึ้นเวที ย้ำ "โปรเจกต์ยักษ์ ประชาชนไม่ได้ประโยชน์"
จากนั้นถึงคิวของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ชู 3 เหตุผลหลักที่ชาวพัทยาต้องเลือก คณะก้าวหน้า ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา เบอร์ 3 และสมาชิกสภาเมืองพัทยา เบอร์ 7-12 ด้วย 3 เหตุผลหลัก ได้แก่ 1. ผู้สมัครมีคุณภาพ ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา และสมาชิกสภาเมืองพัทยา ทุกคนไม่ใช้นักการเมืองมาก่อน เป็นชาวบ้านธรรมดาที่รับรู้ปัญหา ใกล้ชิดปัญหามากที่สุด และพร้อมที่จะนำปัญหาที่พบเจอนั้นมาแก้ไข โดยไม่หวังผลประโยชน์ หวังเพียงให้เมืองพัทยาที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนได้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น 2.นโยบายที่ตอบโจทย์ ซึ่งนโยบายของทีมที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากการเดิน 3 จริง จริง 1 ประชาชนจริง, จริง 2 พื้นที่จริง, จริง 3 สถานการณ์จริง ซึ่ง 3 จริงนี้จะทำให้เกิดการตกผลึกและรับรู้ปัญหาที่ประชาชนต้องการให้แก้ไขอย่างตรงจุดมากที่สุด เข้าไปพัฒนาปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ ประชาชนจะได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง ดังจะเห็นได้จากนโยบายของทีม ไม่ได้มีการบรรจุโครงการเมกะโปรเจกต์ใหญ่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องไกลตัวของประชาชนเอาไว้เลย เพราะที่ผ่านมาพบว่าการใช้เงินในเมกกะโปรเจกต์ใหญ่ๆ หลายโครงการนั้น ประชาชนได้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า แต่เน้นไปที่นโยบายเล็กที่ดูแลกันตั้งแต่เกิดจนตาย อาทิ การผลักดันงบประมาณการศึกษาที่ก่อนหน้านี้พบว่าเมืองพัทยาได้จัดสรรงบประมาณทางด้านการศึกษาเอาไว้เพียงแต่ 2-3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และหากได้รับความไว้วางใจในการเข้าไปบริหารเมืองพัทยา จะมีการผลักดันงบลประมาณด้านการศึกษามากขึ้น เด็กๆ ในพื้นที่เมืองพัทยาจะมีโอกาสทางการศึกษามากขึ้น 3. มีอุดมการณ์ที่หนักแน่น ดังจะเห็นว่าจากที่ผ่านมาทางพรรคล้มลุกคลุกคลาน ถูกยุบพรรคบ้าง มีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย บ๊อบ กิตติศักดิ์ ก็ไม่เคยทิ้ง และไม่เคยเรียกร้องตำแหน่งจากพรรค ยังคงเดินไปด้วยกันจนถึงทุกวันนี้
...
นายธนาธร กล่าวทิ้งท้ายว่า อย่างไรก็ตาม คนที่จะทำให้เมืองพัทยาเปลี่ยนได้ ไม่ใช่บ๊อบ กิตติศักดิ์ หรือผู้สมัครสมาชิกสภาเมืองพัทยา แต่เป็นโหวตเตอร์ทุกคน คนพัทยาทุกคน จึงอยากขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ ในการเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา และสมาชิกสภาเมืองพัทยา ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้
สินย์ไชย นำทีมพัทยาร่วมใจ "ขอเปลี่ยนพัทยา เติบโตแบบยั่งยืน"
ขณะเดียวกัน ที่ลานห้างสรรพสินค้า ห้างไมค์ ช็อปปิ้ง มอลล์ ถนนพัทยาสาย 2 อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายสินย์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยาเบอร์ 3 กลุ่มพัทยาร่วมใจ นำ 23 ขุนพล ผู้สมัครสมาชิกสภาเมืองพัทยา และนายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร หัวหน้ากลุ่มพัทยาร่วมใจ ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ทิ้งท้าย ก่อนจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 22 พ.ค.
...
นายสินย์ไชย ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา เบอร์ 3 กล่าวว่า ยังย้ำเจตนารมณ์เดิม คือการเสนอตัวเข้ามา เพื่อเปลี่ยนแปลงเมืองพัทยาให้ดีกว่าเดิม
"10 ปีแห่งการรอคอย 10 ปี แห่งความหวัง 10 ปีที่ผ่านมา ประชาชนชาวเมืองพัทยาเห็นแล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง การจัดการบริหารบ้านเมือง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เศรษฐกิจซบเซา ปัญหาหลายอย่างไร้การแก้ไข ในวันนี้ จึงขออาสาเข้ามาเปลี่ยนแปลงเมืองพัทยา และจากการลงพื้นที่หาเสียงตลอดระยะเวลา 50 วัน ทำให้มั่นใจว่า นโยบายต่างๆที่นำเสนอให้กับประชาชน ได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี อย่างไรก็ตามขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มากที่สุด เลือกผู้ที่กล้าจะเปลี่ยนแปลง และมีนโยบายให้ความสำคัญกับประชาชน พัฒนาเมืองพัทยาให้เติบโตแบบยั่งยืนในอนาคต”
...
สนธยา คุณปลื้ม นำ “เบียร์ ปรเมศวร์” ปราศรัยใหญ่
ขณะที่ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 19 พ.ค. นายสนธยา คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยาคนล่าสุด และประธานยุทธศาสตร์ กลุ่มเรารักพัทยา นำ นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา หมายเลข 1 พร้อมด้วย 24 ผู้สมัครสมาชิกสภาเมืองพัทยา ทั้ง 4 เขต เบอร์ 1-6 ขึ้นเวลาปราศรัยใหญ่ บริเวณตลาดลานโพธิ์ นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยเป็นการปราศรัยใหญ่ทิ้งท้าย ก่อนที่มีการเลือกตั้ง
คร่ำหวอดการเมือง-สานงานต่อได้ทันที
นายสนธยา คุณปลื้ม กล่าวว่า นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา หมายเลข 1 เป็นบุคคลที่มีความเหมาะสม และได้มีการวางตัวให้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเมืองพัทยามานานแล้ว ด้วยความรู้ความสามารถ ประกอบกับ คร่ำหวอด ในสนามการเมืองท้องถิ่น และการเมืองระดับประเทศ มายาวนานกว่า 15 ปี เพราะฉะนั้นเชื่อมั่นว่า “เบียร์ ปรเมศวร์” จะสามารถบริหารจัดการและพัฒนาเมืองพัทยา ให้มีความสำเร็จในทุกๆด้าน และการสามารถสานงานต่อ ในโครงการ นีโอ พัทยา ที่จะทำให้ เมืองพัทยา เป็นเมืองท่องเที่ยวและศูนย์กลางของการลงทุนอย่างยั่งยืน
ย้ำ "พัทยา" ไม่มีบ้านใหญ่ มีแต่บ้านเดียวกัน
นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา หมายเลข 1 กล่าวว่า 4 เป้าหมาย และ 15 นโยบาย เป็นการตอบโจทย์ การพัฒนาเมืองพัทยาได้อย่างดีที่สุด รวมถึงทีมงานทุกคนล้วนมี ความรู้สามารถ และ ความเป็นมืออาชีพสูง ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชน ให้ กลุ่มเรารักพัทยา เข้าไปทำหน้าที่สานงานต่อ เพื่อให้เมืองพัทยา เป็นเมืองที่น่าอยู่ และ น่าลงทุนของคนทั้งโลก
สุดท้าย นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ไม่รู้สึกหวั่นใจหรือหมดกำลังใจ กับ กระแสข่าวในโซเชียล หรือ ข่าวเฟกนิวส์ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ พร้อมทั้งย้ำว่า ไม่มีบ้านใหญ่ ไม่มีบ้านใหม่ แต่ ยังมีอย่างเดียว คือ บ้านเดียวกัน จะเดินหน้าหาเสียงจนนาทีสุดท้ายที่ได้รับอนุญาต และขอเรียนเชิญพี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียง ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึงเวลา 17.00 น. ในวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค.นี้ เลือกคนดี คนมีวิสัยทัศน์ เลือกทีมงานที่มีความพร้อม
"ทั้งนี้ กลุ่มเรารักพัทยา มีนโยบายเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ฟื้นฟูเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาปากน้อง การสร้างงาน การสร้างรายได้ การยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ไขปัญหาน้ำท่วม สิ่งแวดล้อม การสานงานต่อของโครงการ นีโอ พัทยา เพื่อตอบโจทย์การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน การพัฒนาด้านการศึกษา การสร้างเมืองพัทยาให้เป็นเมือง “สมาร์ท ซิตี้” เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของ EEC ให้ผู้คนมาลงทุนและมาพักที่เมืองพัทยา การดูแลผู้สูงอายุ และ นโยบายเร่งด่วนอื่นๆ อีกหลายนโยบาย โดยหากชนะการเลือกตั้ง สิ่งแรกที่อยากจะทำ คือ เร่งประชุมข้าราชการประจำให้รับทราบ 4 เป้าหมาย และ 15 นโยบาย เพื่อลงมือทำให้กับพี่น้องประชาชนทันที”
ศักดิ์ชัย ผู้สมัครอิสระ “มาคนเดียวก็ทำงานได้”
ทางด้าน นายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ ผู้สมัครนายกเมืองพัทยาหมายเลข 2 ในนามผู้สมัครอิสระ กล่าวว่า มีความมั่นใจจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนชาวเมืองพัทยา ที่จะเลือกให้มาทำหน้าที่นายกเมืองพัทยา เนื่องจากที่ได้ชี้แจงข้อข้องใจต่างๆ ที่บอกว่ามาคนเดียว จะทำงานได้อย่างไร
“ระบบการบริหารงานของเมืองพัทยา นอกจากฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ตนยังจะสร้างฝ่ายที่ 3 คือ กลุ่มพัทยาพาวเวอร์ เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ทั้งภาคเอกชนและภาคประชาชนต่างๆ เพราะฉะนั้น จากนี้ไปนี้การประสานงานเมืองพัทยา จะเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนชาว เพื่อจะร่วมกันดูแลบ้านเมือง เพราะว่าบ้านเมืองไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ขณะเดียวกันนโยบายที่มีการนำเสนอ การแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้อง ทุกคน ทุกกลุ่ม เรื่องเร่งด่วนที่จะทำก็คือเรื่องของ การทำให้ทุกอย่างอยู่บนโต๊ะ เรื่องของการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ขณะเดียวกันเมืองพัทยาเป็นเมืองพิเศษ เมืองแห่งการท่องเที่ยว ทั้งกลางวันและเวลากลางคืน ปัญหาที่ผู้ประกอบการสถานบริการ ถูกเอารัดเอาเปรียบ เนื่องจากว่ากฎหมายเป็นปัญหาสำคัญ จึงมีแนวคิด จะผลักดันแก้ไขกฎหมาย เรื่องของเวลาเปิดปิดสถานบริการ และเรื่องของโซนนิ่ง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถที่จะประกอบการทำมาหากิน โดยที่ไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจรัฐ หรือ ถูกรังแกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ต้องไปเสียใต้โต๊ะ นี้คือสิ่งที่ตนตั้งใจอยากจะทำหากได้รับการเลือกตั้ง เป็นนายกเมืองพัทยา”
ท้ายที่สุด เรือตรีปราโมทย์ ทับทิม ปลัดเมืองพัทยา และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเมืองพัทยา ได้กล่าวเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มากที่สุด
"จากการที่เมืองพัทยาไม่ได้เลือกตั้งมาเป็นเวลา 10 ปี เชื่อว่า ผู้คนจะให้ความสนใจในการเลือกตั้งในครั้งนี้ และจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เป็นจำนวนมาก คาดว่าเกิน 70% ของจำนวนที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้ตัวเลขอยู่ที่ 78,071 คน หายไปจากเดิมประมาณ 300 คน เนื่องจากย้ายสำเนาทะเบียนบ้านออกไปก่อนหน้านี้ โดยมีหน่วยเลือกตั้งหมด 146 หน่วย จาก 4 เขตเลือกตั้ง"